รมว.ยุติธรรม แถลงผลงาน “ยุทธการพิทักษ์ไทย” ครั้งที่3 ยึดทรัพย์ได้พันล้าน เร่งสาวถึงเจ้าของโรงงาน หวัง กม.ยาเสพติดใหม่เสร็จทำงานง่ายกว่านี้ “วิชัย”เผยยึดทรัพย์ได้แล้ว 5,658 ล้านบาท ขาด 341 ล้าน ครบตามเป้า

เมื่อเวลา 09.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) มีการแถลงผลปฏิบัติการ “ยุทธการพิทักษ์ไทย ยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด” ครั้งที่ 3/2564 (เครือข่ายการเงินนักค้ายาเสพติดข้ามชาติ) โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นประธาน พร้อมด้วย น.ส.ณัฐธ์ภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม นายธนวัชร นิติกาญจนา ที่ปรึกษา รมว.ยุติธรรม นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. และนายคริสโตเฟอร์ นีลเซ่น ผู้อำนวยการประจำภูมิภาคสำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา (DEA)

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า แนวทางของรัฐบาลในการปราบปรามยาเสพติด ให้หน่วยงานบูรณาการการทำงานโดยมี ป.ป.ส.เป็นหน่วยงานหลัก เป้าหมายคือยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดให้ได้ 6,000 ล้านบาท หรือ 10 เท่าจากเดิม โดยยุทธการพิทักษ์ไทยได้ดำเนินการมาเรื่อยๆ และยังมีปฏิบัติการพาลีปราบยาได้ตัวเลขการยึดทรัพย์ได้มากพอสมควร ตนอยากให้ทุกท่านสนับสนุนแนวทางของรัฐบาลและกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเครื่องมือสำคัญคือ ร่างประมวลกฎหมายยาเสพติด ที่จะทำให้ราชการทำงานได้ง่ายขึ้นในการยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติด ซึ่งขณะนี้ร่างกฎหมายอยู่ในการพิจารณาของรัฐสภา ขนาดเราทำตามกฎหมายเก่าเรายังทำได้ตามเป้าหมาย ซึ่งในร่างกฎหมายใหม่จะมีคำว่า แวลู เบท  คือการยึดทรัพย์ย้อนหลังตามมูลค่าที่เคยค้ายาเสพติดมา โดยมีคณะกรรมการศึกษาภูมิหลังของผู้ต้องหา ซึ่งจะทำให้การปราบปรามยาเสพติดสัมฤทธิ์ผลในการจัดการให้สิ้นซาก

นายสมศักดิ์ กล่าวว่า รัฐบาลในอดีตมีการตัดตอนผู้ค้า ซึ่งตรงนี้เราไม่เห็นด้วย แต่เราเห็นด้วยกับการยึดทรัพย์ และเราไม่สนใจคนขายหรือคนขนยา แต่เราจะเน้นการยึดทรัพย์ทั้งขบวนการและสาวไปให้ถึงต้นตอ ซึ่งเราจะใช้แนวทางนี้เป็นหลักเน้นการยึดทรัพย์ที่รุนแรงขึ้น ซึ่งตนก็หวังว่าร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดจะผ่านการพิจารณาของรัฐสภาภายในเดือน ก.ค.นี้ และที่ผ่านมาตนได้เชิญหน่วยงานจากศาล กระทรวงมหาดไทยและกระทรวงสาธารณสุข มาหารือการทำงานหลังร่างประมวลกฎหมายยาเสพติดบังคับใช้ ซึ่งทุกหน่วยงานพร้อมที่จะเดินหน้าไปกับเรา ทั้งนี้ในอดีตที่ผ่านมาผลการชี้วัดการปราบปรามยาเสพติดจะมาจากจำนวนผู้เสพและการจับเม็ดยา แต่ตนจะเปลี่ยนตัวชี้วัดตรงนี้ใหม่โดยจะใช้จำนวนการยึดทรัพย์แทน ซึ่งรางวัลนำจับเม็ดยาจะลดลงแต่จะไปเพิ่มรางวัลในเรื่องของการยึดทรัพย์แทน ซึ่งตนขอขอบคุณหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งทหาร ตำรวจ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงประเทศพันธมิตรในกลุ่มลุ่มน้ำโขงและประเทศปลายทาง ที่ร่วมมือกันทำงานปราบปรามอย่างเต็มที่

นายวิชัย กล่าวว่า การปฏิบัติการวันนี้ สืบเนื่องจากวันที่ 3 ก.พ. 2564 ตำรวจ บช.ปส. จับกุมผู้ต้องหา 2 คน พร้อมไอซ์ 100 กิโลกรัม และยาบ้า 381 เม็ด ที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย ต่อมาวันที่ 18 ก.พ. 2564 สำนักงาน ป.ป.ส. ร่วมกับ ตำรวจภูธรภาค 5 ขยายผลจับกุมผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางเฮโรอีน 100 แท่ง ที่ จ.น่าน และขยายผลจนสามารถจับกุม น.ส.เขมมิกา พร้อมยึดทรัพย์ 34.9 ล้านบาท ในยุทธการพิทักษ์ไทย ยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด ครั้งที่ 2/2564 และในวันนี้เป็นการขยายผลจากการจับกุม น.ส.เขมมิกา ไปยังผู้ที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมการเงินของเครือข่าย 5 คน ได้แก่

1. น.ส. ดุลยลักษณ์ ว่องไวยนต์

2.น.ส. ตง เฉิน

3.น.ส.ณัฐพัชร์ เชษฐธนินภัชร์

4.นายชยพล ไพรรุ่งเรือง

5.นายสุชัย เครือแก้ว

และผู้ลักลอบขนเฮโรอีนไปยังประเทศมาเลเซีย  5 คน คือ ได้แก่

1.น.ส.นีรา เจะเงาะ

2.นายมูฮามัดฟาอิส ยูโซะ

3.นายเจ๊อุเสน จาปีพันธุ์ นายสมชาติ จาปีพันธ์ และนายไฟโซ อาแว

และอายัดทรัพย์สินในวันนี้ได้ 37 ล้านบาท รวมแล้วทั้งเครือข่ายขณะนี้ยึดได้กว่า 1,066 ล้านบาท โดยยังจะมีเพิ่มเติมอีก

นายวิชัย กล่าวอีกว่า จากผู้ต้องหาที่อนุมัติหมายจับทั้งหมด 10 ราย ขณะนี้จับกุมได้แล้ว 5 ราย จากการลงพื้นที่ตรวจค้นทั้งหมด 17 จุด โดยขณะนี้กำลังเร่งสืบสาวไปให้ถึงผู้บงการและเป็นเจ้าของโรรงงานผลิตยา ทราบว่าชื่อนายหลง อยู่ในประเทศเพื่อนบ้านพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ โดยมีธุรกิจร้านรับแลกเงินในไทยด้วย รวมถึงผู้รับยาปลายทางที่อยู่ในประเทศมาเลเซียซึ่งเรากำลังเร่งติดตาม ทั้งนี้จากเป้าหมาย 6,000 ล้านบาท การดำเนินการตั้งแต่เดือน ต.ค. 2563 กับยอดรวมในวันนี้เป็นจำนวนทั้งสิ้น 5,658 ล้านบาทแล้ว โดยยังขาดอีก 341 ล้านบาท จะได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเหลือระยะการทำงานอีก 3 เดือน ซึ่งจะได้จำนวนเกินเป้าที่เราวางไว้อย่างแน่นอน

///