กรมควบคุมโรค ขอความร่วมมือประชาชนเคร่งครัดมาตรการป้องกันโรคโควิด หลังมีแนวโน้มพบผู้ป่วยอาการหนักและใส่เครื่องช่วยหายใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ขอความร่วมมือประชาชนเคร่งครัดมาตรการป้องกันโรคโควิดอย่าง เพราะในช่วงนี้สถานการณ์โรคโควิด 19 ในประเทศไทย พบผู้ป่วยอาการหนักและผู้ป่วยที่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมเผยข้อมูลการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีน Sinovac ที่ฉีดให้กับกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและบุคลากรสาธารณสุขในประเทศไทย พบว่าสามารถลดการติดเชื้อโควิดสายพันธุ์อัลฟาได้ถึง ร้อยละ 71-91

วันที่ 2 กรกฎาคม 2564 นายแพทย์โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ในช่วงนี้สถานการณ์ โรคโควิด 19 ในประเทศไทย พบผู้ป่วยอาการหนักและผู้ป่วยที่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลของผู้ป่วยอาการหนักและผู้ป่วยที่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ตั้งแต่วันที่ 27 มิ.ย. – 2 ก.ค. 64 พบว่ามีผู้ป่วยอาการหนัก จำนวน 1,725 1,806 1,846 1,911 1,971 2,002 คนต่อวัน ตามลำดับ ผู้ป่วยที่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ จำนวน 489 510 527 556 566 579 คนต่อวัน ตามลำดับ ซึ่งจะเห็นได้ว่าผู้ป่วยทั้ง 2 กลุ่ม มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีผู้เสียชีวิต 42 22 36 53 57 คนต่อวัน ตามลำดับ ซึ่งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคเรื้อรัง เช่น ความดัน เบาหวาน ไต ไขมัน หัวใจ อ้วน และผู้สูงอายุที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป

สำหรับข้อมูลการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีน Sinovac จากการใช้งานจริง โดยฉีดให้กับกลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูงและบุคลากรสาธารณสุขในประเทศไทย ซึ่งกลุ่มดังกล่าวได้รับวัคซีนครบ 2 เข็มอย่างน้อย 14 วัน โดยแบ่งเป็นข้อมูลการศึกษาของแต่ละจังหวัด ดังนี้

1) จังหวัดภูเก็ต พบว่า มีประสิทธิผลป้องกันการติดเชื้อร้อยละ 90.7

2) จังหวัดสมุทรสาคร มีประสิทธิผลร้อยละ 90.5

3) จังหวัดเชียงราย ข้อมูลจากกลุ่มบุคลากรสาธารณสุข พบว่า มีประสิทธิผลร้อยละ 82.8 และจากฐานข้อมูลของกรมควบคุมโรค ที่ศึกษาในกลุ่มบุคลากรสาธารณสุข พบว่ามีประสิทธิผลร้อยละ 70.9

ทั้งนี้ ยังไม่มีรายงานผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วเสียชีวิตจากการติดเชื้อโรคโควิด 19 นอกจากนี้ จากการติดตามข้อมูลประสิทธิผลของวัคซีน Coronavac หลังมีการใช้จริงโดยสถาบันวัคซีนแห่งชาติ พบว่าที่ประเทศอินโดนีเซีย มีรายงานว่าหลังฉีดวัคซีนครบ 2 เข็ม จะสามารถป้องกันการป่วย ที่มีอาการร้อยละ 94 ป้องกันการเสียชีวิตได้ร้อยละ 98 และข้อมูลการศึกษาที่ประเทศชิลี พบว่าสามารถป้องกันการป่วยที่รุนแรงได้ร้อยละ 89 และที่เมืองเซอร์รานา ประเทศบราซิล หลังฉีดครบ 2 เข็ม ป้องกันการป่วยที่มีอาการได้ร้อยละ 80 และป้องกันการเสียชีวิตได้ร้อยละ 95

นายแพทย์โอภาส กล่าวเพิ่มเติมว่า กรมควบคุมโรค ได้เตรียมความพร้อมในการดำเนินงานเชิงรุกสำหรับการป้องกันควบคุมการแพร่ระบาด โดยการจัดสรรวัคซีนให้เป็นไปตามแผน เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดและประชากรอย่างน้อย 50 ล้านคน ดังนั้น จึงขอให้ประชาชนเข้ารับวัคซีนป้องกันโรคโควิด 19 โดยเฉพาะกลุ่มผู้สูงอายุ กลุ่มผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง และกลุ่มเปราะบาง ซึ่งการได้รับวัคซีนจะช่วยลดอาการป่วยรุนแรงและป้องกันการเสียชีวิตได้ และเพื่อเป็นการขานรับนโยบายและทำความเข้าใจกับประชาชน เกี่ยวกับความพร้อมรับมือเปิดประเทศ ด้วยการดำเนินมาตรการเชิงรุก เพื่อให้ประชาชนดำรงชีวิตให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตวิถีใหม่ New Normal สวมหน้ากาก 100% เว้นระยะห่าง ล้างมือบ่อยๆ ลดกิจกรรมนอกบ้านที่ไม่จำเป็น หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด เมื่อกลับถึงบ้านต้องทำความสะอาดร่างกายทันที เพื่อลดโอกาสการนำเชื้อเข้ามาติดต่อสู่คนในครอบครัว สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

***************************************
ข้อมูลจาก : ศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน/สำนักสื่อสารความเสี่ยงฯ กรมควบคุมโรค
วันที่ 2 กรกฎาคม 2564