ในวันที่ 23 มิถุนายน 2564 เวลา 13.30 น. ศาสตราจารย์พิเศษวิศิษฏ์ วิศิษฏ์สรอรรถ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม เป็นประธานการประชุมติดตามการดำเนินงานตาม 5 แผนงานการป้องกันและแก้ไขสถานการณ์ Covid-19 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรม ครั้งที่ 32/2564 โดยมี นายนิยม เติมศรีสุข รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นายอายุตม์ สินธพพันธุ์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายวีระกิตติ์ หาญปริพรรณ์ รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม ผ่านระบบการประชุมทางไกล (Video Conference) ร่วมกับผู้บัญชาการเรือนจำในจังหวัดที่มีสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และห้องประชุม 1 ชั้น 2 กรมราชทัณฑ์ อำเภอเมือง จังหวัดนนทบุรี
นายวัลลภฯ เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ของกรมราชทัณฑ์ มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนจากสัปดาห์ก่อน โดยเฉพาะในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ที่มีเรือนจำสีแดงหลายแห่งสามารถคัดแยกผู้ติดเชื้อและมีแดนปลอดเชื้อเพิ่มต่อเนื่อง โดยมีหลายแห่งที่ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ติดต่อกันหลายวัน คือ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร เรือนจำพิเศษธนบุรี และเรือนจำจังหวัดนนทบุรี ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อเนื่องกันกว่า 1 สัปดาห์ โดยเฉพาะเรือนจำกลางเชียงใหม่ และทัณฑสถานวัยหนุ่มกลาง ที่ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่มากกว่า 2 สัปดาห์ ซึ่งได้ปรับลดสถานะการเป็นเรือนจำสีแดงลง และอยู่ระหว่างการรอปรับเป็นเรือนจำสีขาวในระยะต่อไป ส่งผลให้ปัจจุบัน กรมราชทัณฑ์ มีเรือนจำสีขาวที่ไม่พบการแพร่ระบาดอยู่ที่ 127 แห่ง และเรือนจำสีแดงที่พบการระบาด 12 แห่ง โดยสถานการณ์ผู้ติดเชื้อ วันนี้ยังคงพบจำนวนผู้ป่วยที่รักษาหายมากกว่าจำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่อย่างต่อเนื่อง มีผู้หายป่วยสะสมแล้ว 29,977 ราย หรือ 84.5% ของผู้ติดเชื้อสะสมที่ 35,485 ราย ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อที่อยู่ระหว่างการรักษาอยู่ที่ 5,253 ราย มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่ม 1 ราย รวมจำนวน 34 ราย หรือประมาณ 0.09% ของผู้ติดเชื้อสะสม
ด้านการบริหารจัดการวัคซีน นายวัลลภฯ กล่าวว่า ในวันนี้ กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ได้รับพระมหากรุณาธิคุณ จากศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี องค์ประธานราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานวัคซีนซิโนฟาร์ม จำนวน 6,400 โดส ให้แก่กรมราชทัณฑ์ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันประสูติ 4 กรกฎาคม 2564 เพื่อกระจายวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 รวมทั้งสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรค ลดความรุนแรง และลดโอกาสการเสียชีวิตให้แก่ผู้ต้องขัง ซึ่งกรมราชทัณฑ์ จะนำวัคซีนที่ได้รับพระราชทานส่งมอบไปยังเรือนจำกลางชลบุรีเพื่อฉีดให้แก่ผู้ต้องขัง ในวันศุกร์ที่ 25 มิถุนายน 2564 นี้ โดยเรือนจำกลางชลบุรีจะฉีดวัคซีนพระราชทานซิโนฟาร์มให้กับผู้ต้องขัง จำนวน 3,200 คน คนละ 2 เข็ม (เข็มที่ 1 และเข็มที่ 2 ห่างกัน 4 สัปดาห์) ซึ่งการได้รับพระราชทานวัคซีนครั้งนี้ ยังความปลื้มปีติและซาบซึ้งในพระกรุณาธิคุณแก่กรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ตลอดจนผู้ต้องราชทัณฑ์ทุกคนเป็นอย่างสูง ที่พระองค์ทรงห่วงใยผู้ต้องขังในเรือนจำ/ทัณฑสถาน ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิด-19 ในปัจจุบัน
ในส่วนของภาพรวมการฉีดวัคซีนวันนี้ กรมราชทัณฑ์ ได้รับการจัดสรรวัคซีนจากกรมควบคุมโรคเพิ่มเติม จำนวน 5,000 โดส เพื่อใช้ฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 แก่ผู้ต้องขังเรือนจำกลางสมุทรปราการ ซึ่งเป็นเรือนจำที่ 2 ต่อจากเรือนจำพิเศษมีนบุรีที่ได้รับวัคซีนจนครบจำนวน 2 เข็มไปก่อนหน้านี้ รวมถึงการกระจายวัคซีนส่วนที่เหลือไปยังเรือนจำจังหวัดสุโขทัย เพื่อฉีดเป็นเข็มที่ 1 ในกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มเปราะบาง โดยในส่วนของการดำเนินการฉีดวัคซีนต่อจากนี้ ยังอยู่ระหว่างประสานกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อกระจายวัคซีนไปยังเรือนจำสีขาวในเขตพื้นที่อื่นๆ จนกว่าจะครอบคลุมทั่วประเทศ ควบคู่กับแผนการฉีดวัคซีนของประชาชนทั่วไป
นายวัลลภฯ กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของกรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ข้อมูลสถิติ ณ วันที่ 23 มิถุนายน 2564 ยังไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม โดยข้อมูลผู้ติดเชื้อเดิมที่อยู่ระหว่างการรักษาตัวรวม 6 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ 3 ราย และเยาวชน 3 ราย หรือร้อยละ 6.45 ของผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมด 93 ราย ขณะที่สถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาววันนี้ มีสถานะรวม 37 แห่ง จากทั้งหมด 56 แห่ง อีก 19 แห่ง อยู่ระหว่างรอตรวจและรอผล 9 แห่ง หมดสถานะสถานพินิจฯ/ศูนย์ฝึกและอบรมฯ สีขาว 5 แห่ง และติดเชื้อรวม 5 แห่ง ด้านสถิติการฉีดวัคซีนของเจ้าหน้าที่ 2,754 ราย จากทั้งหมดจำนวน 4,413 ราย หรือคิดเป็นร้อยละ 62.41 ซึ่งกรมพินิจฯ ได้ปฏิบัติตามมาตรการต่างๆ ที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในสถานที่ควบคุมของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงยุติธรรมกำหนด และเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนไม่ประมาท คำนึงถึงผลกระทบในส่วนรวม รักษาวินัยในตนเอง และขอให้ติดตามข่าวสารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ Covid-19 อยู่เสมอ สร้างมาตรฐานและความเข้าใจในโรคดังกล่าว เพราะวิกฤตนี้จะผ่านไปได้ต้องอาศัยความร่วมมือและความรับผิดชอบของทุกคน”
///////////////////////////////////////