เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อม พร้อม ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ทรงศิวิไล ปลัด อว. ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล รองปลัด อว. และคณะผู้บริหาร อว. เดินทางไปเยี่ยมชม “ศูนย์บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 สจล.” ซึ่งเป็นศูนย์ฉีดวัคซีนนอกโรงพยาบาล ตามนโยบายของ อว. โดยมี ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) รวมถึงคณะบดีคณะแพทยศาสตร์และคณาจารย์ ให้การต้อนรับ
ทั้งนี้ ศ.(พิเศษ) ดร.เอนก กล่าวว่า อว. มีนโยบายการสร้างภูมิคุ้มกันหมู่แก่กลุ่มบุคลากรและนักศึกษา สู่เป้าหมายในการขับเคลื่อนสถานศึกษาให้พร้อมต่อการเปิดทำการเรียนการสอนตามปกติโดยเร็ว โดยได้ดำเนินการจัดตั้ง ศูนย์บริการวัคซีนโควิด-19 ในสถาบันอุดมศึกษาในส่วนกลางจำนวน 11 แห่ง ครอบคลุมวัคซีน 2 ชนิด ได้แก่ วัคซีนซิโนแวค (Sinovac) และล่าสุดกับวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า (AstraZeneca) ที่ได้รับการจัดสรรจากกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขเช่นกัน ทั้งนี้ จากการจัดตั้ง“ศูนย์บริการฉีดวัคซีนโควิด-19 พระจอมเกล้าลาดกระบัง” อว. ตั้งเป้ากลุ่มเป้าหมายเข้ารับวัคซีนครอบคลุม สจล. สถานศึกษาใกล้เคียง และประชาชนกลุ่มเสี่ยง โดยปัจจุบันได้ฉีดวัคซีนไปแล้วเป็นจำนวนกว่า 10,616 โดส
“ขอให้ทุกคนเมื่อได้รับวัคซีนแล้วปฏิบัติตนตามข้อแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ติดตามผลและอาการข้างเคียงอย่างต่อเนื่อง ควรเชื่อมั่นในบุคลากรทางการแพทย์ของเราและข้อมูลทางวิชาการให้มากกว่าการเสพข้อมูลข่าวสารทั่วไป เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นมีทั้งเรื่องจริงและข่าวปลอม ซึ่งจะก่อให้เกิดความวิตกกังวลอย่างมากในตัวประชาชนผู้ที่ต้องการรับวัคซีน โดยบุคลากรทางการแพทย์ของ อว. มีความรู้ ความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ รวมถึงความตั้งใจที่จะให้บริการทุกท่านอย่างเต็มใจและจริงจัง ผมและ อว. ขอเป็นตัวแทนของรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อบอกว่า ทุกฝ่ายมีความเอาใจใส่และตระหนักถึงความต้องการและความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง ขอให้มั่นใจได้ว่าจะได้รับการบริหารที่ดีพร้อม ปลอดภัย และถูกต้องอย่างแน่นอน” ดร.เอนก กล่าว
ด้าน ศ.ดร.นพ.สิริฤกษ์ ปลัด อว. กล่าวเพิ่มเติมว่า “การให้บริการฉีควัคซีนของ อว. ทำด้วยความปลอดภัยในทุกขั้นตอน และมีระบบบริหารจัดการที่ทันสมัย รวมทั้งทีมของ อว. ได้เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลทางวิชาการอย่างครบถ้วน โดยการศึกษาในประเทศไทยข้อมูลพบว่า หลังฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า 3-4 สัปดาห์ จะสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ในระดับสูง ป้องกันการเจ็บป่วยในระดับรุนแรงได้ กล่าวคือมีโอกาสน้อยที่จะเจ็บป่วยอย่างรุนแรง แต่ทุกท่านยังคงต้องปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด เพราะยังมีโอกาสติดเชื้อได้ สวมหน้ากากป้องกัน ล้างมือและรักษาระยะห่างอย่างเป็นปกติ เนื่องจากยังมีบุคคลทั่วไปอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับวัคซีนและต้องใช้เวลาดำเนินการอีกหลายเดือนทั้งใน กทม.และทั่วประเทศ ทั้งนี้ อว. จะเร่งดำเนินการฉีควัคซีนให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป”