คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พิจารณามาตรการผ่อนคลายตามข้อกำหนดความในมาตรา 9 แห่ง พรก.ฉุกเฉิน (ฉบับที่ 23) และคุมเข้มการตรวจสอบแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายในสถานประกอบการ หากตรวจพบผิดทั้งนายจ้างและคนต่างด้าว มีโทษทั้งจำและปรับ

วันที่ 19 พ.ค. 64 เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมอโยธยา ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี นายสมศักดิ์ เจริญไพฑูรย์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายประทีป การมิตรี ปลัดจังหวัด นายแพทย์พีระ อารีรัตน์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด นายอำเภอ คณะกรรมการฯ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล สาธารณสุขอำเภอ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัด ประธานหอการค้าจังหวัด และผู้เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม เพื่อติดตามสถานการณ์และมาตรการดำเนินการพื้นที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

โดยที่ประชุมได้รับทราบสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ระลอกเมษายน 64 ปัจจุบันมียอดผู้ป่วยสะสม 601 ราย รักษาหายแล้ว 320 ราย เสียชีวิต 4 ราย รวมถึงความคืบหน้าแผนและผลการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก (Active case Finding) ในสถานประกอบการและพื้นที่เสี่ยงต่างๆ ข้อมูลการรายงานตัวต่อเจ้าหน้าที่ด้วยระบบ QR Code สำหรับผู้เดินทางเข้าจังหวัด การออกตรวจสถานบริการ/คล้ายสถานบริการ การตรวจสอบจับกุมการลักลอบเล่นการพนัน รับทราบข้อกำหนด/ข้อสั่งการของ ศปก./ศปค. การบริหารจัดการเตียงและการดูแลผู้ป่วยของ Hospitel ม.ราชภัฎพระนครศรีอยุธยา การเคลื่อนย้ายแรงงาน เข้า-ออก และแผนการตรวจสอบแรงงานต่างด้าว 3 สัญชาติ ในสถานประกอบการ การป้องกันควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในเรือนจำ

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้พิจารณามาตรการเร่งด่วนในสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไว้รัสโคโรนา 2019 ข้อกำหนดตามความในมาตรา 9 แห่ง พรก.ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 (ฉบับที่ 23) ผ่อนคลายการขยายเวลานั่งรับประทานอาหารในร้าน จากเดิม 21.00 น. เป็น 23.00 น. และการใช้อาคารสถานที่โรงเรียนและสถาบันการศึกษา ให้ดำเนินการตามเกณฑ์ที่กระทรวงศึกษาธิการกำหนด ตลอดจนพิจารณาแผนการจัดสรรและการจัดการวัคซีนโควิด โดยจัดสรรให้ผู้ลงทะเบียนหมอพร้อมและลงระบบผ่านสาธารณสุขเป็นลำดับแรก ซึ่งจะเริ่มฉีดในวันที่ 7 มิถุนายน 64 จำนวน 38,000 โดส รวมทั้งเตรียมความพร้อมจุดให้บริการฉีดวัคซีนในโรงพยาบาลของรัฐและเอกชน ทั้ง 16 อำเภอ ไว้เรียบร้อยแล้ว

ด้าน นายภานุ แย้มศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการดูแลผู้ติดเชื้อให้ครบทุกด้าน ได้แก่ ด้านสถานพยาบาล อุปกรณ์ทางการแพทย์ และสิ่งของจำเป็นในการรักษา เป็นต้น เพื่อนำไปสู่การควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ให้เป็นศูนย์ โดยเร็วที่สุด

นอกจากนี้ พบว่ามีการลักลอบนำแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายเข้าประเทศ ดังนั้น เพื่อเป็นการป้องปรามการจ้างแรงงานผิดกฎหมาย จึงได้จัดปล่อยแถวชุดเจ้าหน้าที่ออกตรวจตราการทำงาน และการใช้ชีวิตของแรงงานต่างด้าว พร้อมแนะนำให้ความรู้ด้านสุขลักษณะที่ถูกต้อง โดยใช้ภาษาถิ่นที่แรงงานต่างด้าวเข้าใจชัดเจน เพื่อเป็นการป้องกันควบคุมไม่ให้นำเชื้อจากแหล่งเสี่ยงภายนอกเข้ามาสู่พื้นที่อยุธยา รวมทั้งเป็นการรณรงค์สื่อสารกระตุ้นการรับรู้ให้นายจ้าง ห้ามจ้างแรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย หากตรวจพบมีความผิดทั้งนายจ้างและคนต่างด้าว มีโทษทั้งจำและปรับ โดยมีแผนการออกตรวจตราและบังคับใช้อย่างเข้มงวดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งให้ทุกภาคส่วนยังคงเดินหน้าเคาะประตูบ้านประชาสัมพันธ์ประโยชน์ของการฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่องและให้ลงทะเบียนได้มากที่สุด เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เป็นการลดความรุนแรงและเสียชีวิตหากติดเชื้อดังกล่าว

ข่าว : สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เว็บไซต์ http://pr.prd.go.th/ayutthaya