กระทรวงสาธารณสุข ยืนยันระบบ “หมอพร้อม” ทำงานได้ตามปกติ วันนี้จนถึงเวลา 14.30 น. มีผู้จองรับวัคซีนแล้ว 199,194 ราย ย้ำรอบนี้ สำหรับผู้สูงอายุและผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรัง นัดหมายรับการฉีดได้ในโรงพยาบาล 1,200 แห่ง วัคซีนมีเพียงพอ ลงทะเบียนได้ตลอดเดือนพฤษภาคม ไม่ต้องรีบ เริ่มฉีด 7 มิถุนายน – กรกฎาคม และเปิดหมอพร้อม ไลน์โอเอ เวอร์ชัน 2.1 ประชาชนที่ตกหล่นสามารถลงชื่อได้ หรือแจ้งอสม./ โรงพยาบาลใกล้บ้าน
บ่ายวันที่ 1 พฤษภาคม 2564 ที่ศูนย์แถลงข่าวสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 กระทรวงสาธารณสุข จ.นนทบุรี นายแพทย์พงศธร พอกเพิ่มดี นายแพทย์ทรงคุณวุฒิ (ด้านสาธารณสุข) ที่ปรึกษาระดับกระทรวง สำนักงานปลัดกระทรวง แถลงว่า วันนี้ “หมอพร้อม” ระบบทำงานได้ตามปกติ จนถึงเวลา 14.30 น.
มีผู้จองรับวัคซีนแล้ว 199,194 ราย แบ่งเป็นทางไลน์ 157,066 ราย และแอปพลิเคชัน 42,128 ราย ซึ่งการลงทะเบียนสำเร็จหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ 3 องค์ประกอบ คือ
1. หมอพร้อม ไลน์และแอปพลิเคชัน
2.ไวท์ลิสต์ หรือรายชื่อที่โรงพยาบาลที่รับการรักษาส่งมาเข้าระบบ
3.โรงพยาบาลปลายทางที่ต้องการไปฉีดวัคซีนต้องเปิดระบบการนัดฉีดแต่ละวัน (Slot) โดยช่วงเช้าในกทม.ล่าช้า เนื่องจากโรงพยาบาลที่เปิดระบบมีเพียง 24 แห่ง
ได้ประสานกทม. ขณะนี้เปิดแล้ว 134 แห่งจาก 160 แห่ง ส่วนโรงพยาบาลสนามยังไม่เปิดระบบ เนื่องจากเป็นกลุ่มผู้สูงอายุและโรคเรื้อรัง จึงควรฉีดในโรงพยาบาล ส่วนโรงพยาบาลกระทรวงสาธารณสุข เปิดระบบทุกโรงพยาบาลแล้ว โดยโรงพยาบาลขนาดเล็กเปิดรับจอง 360 คนต่อวัน โรงพยาบาลขนาดใหญ่ 600 คนต่อวัน คิดจากเวลาฉีด 1 คนต่อ 1 นาที สามารถฉีด 16 ล้านคน 16 ล้านโดสได้ภายในเวลา 54 วัน ซึ่งลงทะเบียนรับการฉีดจะทำให้สามารถส่งวัคซีนไปยังโรงพยาบาลได้ตามจำนวนที่จะต้องฉีด
นายแพทย์พงศธรกล่าวต่อว่า รายชื่อในไวท์ลิสต์ โรงพยาบาลได้นำเข้าสู่ระบบตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน ขณะนี้ต่างจังหวัดทำได้ประมาณ 95 – 98 เปอร์เซ็นต์ อาจตกหล่นรายชื่อประมาณ 1 ล้านคน จึงทำให้ไม่พบรายชื่อเมื่อจองคิว เนื่องจากมีโรงพยาบาล 1,200 แห่ง ได้แก้ปัญหาโดยเปิด หมอพร้อม ไลน์โอเอ เวอร์ชัน 2.1 เพื่อให้ประชาชนที่ตกหล่นสามารถลงชื่อได้เลย หรือแจ้งโรงพยาบาลที่มีประวัติการรักษา หรือหน่วยบริการที่ท่านมีสิทธิรักษาพยาบาล เพื่อนำรายชื่อเข้าระบบหมอพร้อม สำหรับกรณีที่รับการรักษา 2 โรงพยาบาลในกรุงเทพและต่างจังหวัด รายชื่อควรขึ้นทั้ง 2 โรงพยาบาล แต่เนื่องจากโรงพยาบาลในกรุงเทพยังไม่เปิดระบบนัดฉีด ทำให้มีรายชื่อขึ้นที่โรงพยาบาลต่างจังหวัด
สำหรับกลุ่มเป้าหมายการฉีดวัคซีน ได้เรียงลำดับความสำคัญแบ่งเป็น 5 กลุ่ม รวม 50 ล้านคน กลุ่มแรกคือ บุคลากรสาธารณสุข จำนวน
1.2 ล้านคน
2.บุคลากรด่านหน้า ทหาร ตำรวจ ประมาณ 1.8 ล้านคน
3. ผู้ป่วย 7 กลุ่มโรคเรื้อรังอายุน้อยกว่า 60 ปี ได้แก่ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคอ้วน โรคมะเร็ง และเบาหวาน รวม 4.3 ล้านคน
4.ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป 11.7 ล้านคน
5.ประชาชนที่เหลืออีก 31 ล้านคน
โดยจะมีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้ามาฉีดในเดือนมิถุนายน-กรกฎาคม จำนวน 16 ล้านโดส สำหรับ 16 ล้านคน และจากการสำรวจโพลของกระทรวงสาธารณสุขพบว่ามีผู้ที่ต้องการฉีดวัคซีนเพียง 60 – 70 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นจึงมีวัคซีนเพียงพอแน่นอน ไม่ต้องรีบลงทะเบียน ยังมีเวลาให้ลงทะเบียนตั้งแต่ 1 พ.ค. เป็นต้นไป และเริ่มฉีดตั้งแต่วันที่ 7 มิถุนายน – กรกฎาคม ส่วนประชาชนทั่วไปเปิดให้ลงทะเบียนได้ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2564 และเริ่มรับการฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2564 ซึ่งจะมีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าเดือนละ 10 ล้านโดส ซึ่งวัคซีนเป็นวัคซีนที่ผลิตในประเทศโดยบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ได้รับคำชมเชยจากบริษัทแม่ที่ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้ว่ามีคุณภาพสูงมาก รวมทั้งจะมีวัคซีนอื่นๆ อีกหลายล้านโดสที่จะทยอยเข้ามา
“หลังจากรับการฉีดวัคซีนครบ 2 เข็มประมาณ 2 – 3 สัปดาห์ ร่างกายจะได้รับการกระตุ้นให้สร้างภูมิคุ้มกันขึ้นมา ย้ำว่า การฉีดวัคซีนช่วยให้ตัวเราแข็งแรง มีภูมิต้านทานขึ้น หากติดเชื้อ ไม่ต้องนอนไอซียู ไม่ต้องใส่เครื่องช่วยหายใจ ขณะเดียวกันมีการศึกษาในต่างประเทศระบุว่าช่วยลดการแพร่เชื้อได้ เพราะจำนวนเชื้อในจมูกจะลดลง ช่วยลดการแพร่เชื้อต่อไปยังชุมชนด้วย ช่วยทั้งตัวเรา ปกป้องครอบครัว ในที่สุดจะทำให้มีภูมิคุ้มกันหมู่ สามารถเปิดประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจต่อไปได้” นายแพทย์พงศธรกล่าว
***************************** 1 พฤษภาคม 2564