DITP “ประชุมประเมินสถานการณ์การส่งออกร่วมกับภาคเอกชน”

11 ธ.ค. 61 – อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (นางสาวบรรจงจิตต์ อังศุสิงห์) เปิดเผยภายหลังการประชุมประเมินสถานการณ์การส่งออกประจำไตรมาส 4 ร่วมกับภาคเอกชน ซึ่งนำทีมโดย  คุณสนั่น อังอุบลกุล รองประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยว่า สำหรับในปีนี้ ทุกภาคส่วนมั่นใจว่าการส่งออกของไทยจะขยายตัวได้ร้อยละ 8 ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ในขณะที่ สำหรับปีหน้า ภาคเอกชนได้ประเมินว่าการส่งออกจะขยายตัวได้ร้อยละ 5 ในเบื้องต้น เนื่องจากยังมีปัจจัยเสี่ยงหลายเรื่องที่ต้องจับตามอง อาทิ สงครามการค้าสหรัฐฯ – จีนที่อาจจะยืดเยื้อ การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และความผันผวนของราคาน้ำมัน เนื่องจากเป็นช่วงของการปรับเปลี่ยนผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่ในตลาดโลก จากการที่สหรัฐฯ และรัสเซีย ได้เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นแทนกลุ่มผู้ค้าน้ำมันรายเดิมอย่างโอเปก อย่างไรก็ดี กระทรวงพาณิชย์ยังเชื่อมั่นและตั้ง working target สำหรับการส่งออกในปีหน้าไว้ที่ร้อยละ 8 เพื่อเร่งเครื่องภาคการส่งออกให้ได้มากที่สุด ทั้งในรูปแบบออนไลน์ และออฟไลน์ รวมถึงธุรกิจบริการ

ล่าสุด เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 61 สหรัฐฯ และจีนได้ตกลงที่จะเจรจาเพื่อหาข้อยุติสงครามการค้าระหว่างกัน ภายใน 90 วันซึ่งจะสิ้นสุดลงในช่วงต้นเดือนมี.ค. 62 โดยประเด็นนี้ร่วมกับกรณีที่แคนาดาได้จับกุมผู้บริหารระดับสูงของบริษัทหัวเว่ยตามคำขอของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่กล่าวหาว่าบริษัทฯ ไม่ปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ที่มีต่ออิหร่าน กรมจะได้ติดตามอย่างใกล้ชิดว่าจะส่งผลกระทบต่อเนื่องมาถึงการเจรจาหาข้อยุติสงครามการค้าของทั้งสองฝ่ายหรือไม่ โดยที่ผ่านมา การส่งออกไปยังสหรัฐฯ และจีน ของไทยในภาพรวมได้รับผลกระทบน้อยมาก มีเพียงสินค้าบางตัวที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีกับทุกประเทศเหมือนกันเท่านั้น ที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ เครื่องซักผ้า และแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งมีมูลค่าไม่มากนัก

สำหรับในปีหน้า กรมเชื่อมั่นว่าการส่งออกยังจะขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง ทั้งจากเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มขยายตัวแม้ว่าจะเป็นอัตราที่ชะลอตัวลง ค่าเงินที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ การผลักดันการค้าทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์อย่างเต็มที่ ภาคธุรกิจบริการของไทยที่มีความแข็งแกร่ง ตลอดจนการลงทุนที่โครงการ EEC ที่เริ่มจะส่งผลให้เห็นเป็นรูปธรรม โดยกลุ่มสินค้าดาวรุ่งใหม่ๆ ที่จะมีบทบาทมากในปีหน้า ได้แก่ ผักผลไม้ อาหารสัตว์/สินค้าสัตว์เลี้ยง เครื่องดื่ม เครื่องปรุงรส/เครื่องเทศ เครื่องสำอาง เครื่องมือแพทย์ และเครื่องหนัง ซึ่งมีแนวโน้มการส่งออกขยายตัวเป็นเลขสองหลักทั้งสิ้น

นอกจากนี้ กรมได้เร่งพัฒนาผู้ประกอบการทุกระดับอย่างต่อเนื่อง เน้นการบูรณาการกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพอย่างครบวงจร โดยวันพรุ่งนี้ กรมได้กำหนดจัดการสัมมนา “สูตรสำเร็จจากธุรกิจ SMEs สู่การค้าระหว่างประเทศ” ร่วมกับ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า EXIM Bank และ บสย. ตลอดจนกรมจะได้ลงนามในบันทึกข้อตกลง “ความร่วมมือในการส่งเสริมศักยภาพและสนับสนุนผู้ประกอบการไทย” ร่วมกับ EXIM Bank ซึ่งจะครอบคลุมความร่วมมือ 5 ด้าน ได้แก่ (1) ด้านการประชาสัมพันธ์ (2) ด้านการบูรณาการข้อมูล (3) ด้านการสนับสนุนทางการเงิน(4) ด้านการส่งเสริมองค์ความรู้ให้กับผู้ประกอบการไทย และ (5) ด้านการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศด้วยช่องทางการค้าออนไลน์

*********************************