รัฐ เอกชน เชียร์ไทยร่วมมือยูเคพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารเพื่อสุขภาพป้อนตลาดโลก

กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เผย ผู้เชี่ยวชาญภาครัฐและเอกชน ด้านธุรกิจอาหาร-นวัตกรรม-สุขภาพ ในงานสัมมนาออนไลน์ “โอกาสไทยกับยูเคนำเทรนด์สุขภาพเจาะตลาดโลก” ชี้! ไทยควรร่วมมือยูเคพัฒนาอุตสาหกรรมอาหารเพื่อสุขภาพของไทยตอบโจทย์เทรนด์โลก ผ่าน MoU ด้านความร่วมมือฉบับล่าสุดของทั้งสองฝ่าย

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า ในงานสัมมนาออนไลน์ เรื่อง “Brexit the Series: โอกาสไทยกับสหราชอาณาจักรนำเทรนด์สุขภาพเจาะตลาดโลก” ที่กรมฯ ได้จัดขึ้น ซึ่งมีผู้เชี่ยวชาญทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน ด้านธุรกิจอาหาร นวัตกรรม และสุขภาพของไทย ได้แก่ สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) บริษัท มอร์ ฟูดส์ อินโนเทค จำกัด และแบรนด์ HydroZitla ร่วมเป็นวิทยากร พบว่า ปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการเลือกสรรอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากขึ้น จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการไทยที่ต้องเร่งพัฒนาสินค้าอาหารเพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภค อาทิ การพัฒนาผลิตภัณฑ์เนื้อเทียมที่ทำจากพืช และการสกัดสารธรรมชาติจากพืชท้องถิ่น

นางอรมน กล่าวว่า ภาครัฐจะต้องสนับสนุนข้อมูลและอำนวยความสะดวกด้านต่างๆ พร้อมจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าให้กับผู้ประกอบการ เช่น เมืองนวัตกรรมอาหาร จะช่วยเสริมสร้างศักยภาพด้านการวิจัยและพัฒนา และการสนับสนุนด้านการเงิน ขณะที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ มีกิจกรรมฝึกอบรมด้านทักษะการตลาด และจับคู่ธุรกิจเพื่อช่วยหาตลาดในต่างประเทศ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศให้บริการข้อมูลด้านการค้าระหว่างประเทศ และสำนักงาน อย. เพิ่มช่องทางการขึ้นทะเบียนอาหารใหม่ผ่านระบบออนไลน์ เป็นต้น

นางอรมน เสริมว่า สำหรับเทรนด์อาหารในยูเค พบว่า อาหารสุขภาพและที่ทำจากพืช รวมถึงอาหารปราศจากเนื้อสัตว์มาแรง ประกอบกับยูเคมีชาวต่างชาติอาศัยอยู่จำนวนมากโดยเฉพาะชาวเอเชีย ส่งผลให้อาหารและเครื่องปรุงจากเอเชียเป็นที่นิยมเช่นกัน นอกจากนี้ จากการที่กระทรวงพาณิชย์ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MoU) กับกระทรวงการค้าระหว่างประเทศของยูเค เพื่อส่งเสริมความร่วมมือกับยูเคในด้านต่างๆ ซึ่งรวมถึงความร่วมมือสาขาเกษตรอาหารและสุขภาพด้วย จึงเป็นโอกาสที่ไทยกับยูเคจะร่วมมือพัฒนาขีดความสามารถการแข่งขันของอุตสาหกรรมอาหารไทย

เนื่องจากยูเคมีศักยภาพและความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนากลิ่นและรสชาติอาหาร และการวิจัยด้านสุขภาพ ในขณะที่ไทยมีจุดแข็งในเรื่องวัตถุดิบ เครื่องเทศ และสมุนไพร ตลอดจนภูมิปัญญาในด้านอาหารและสมุนไพรเพื่อเสริมสุขภาพและรักษาโรค จึงเชื่อมั่นว่าไทยกับยูเคจะสามารถร่วมมือกันนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาช่วยส่งเสริมให้สินค้าอาหารสุขภาพมีความโดดเด่น หลากหลาย และปลอดภัยได้มาตรฐาน ตอบโจทย์เทรนด์โลกและตลาดยูเครวมถึงขยายตลาดส่งออกไปยูเคอีกด้วย โดยผู้สนใจสามารถรับชมการสัมมนาย้อนหลังได้ที่ Facebook กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ

ทั้งนี้ ในปี 2563 ไทยส่งออกสินค้ากลุ่มอาหารไปยูเคมูลค่า 848 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากยูเคมูลค่า 200 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2564 ไทยส่งออกสินค้ากลุ่มอาหารไปยูเคมูลค่า 180 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากยูเคมูลค่า 48 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ ไก่แปรรูป ผลิตภัณฑ์ข้าวสาลีและอาหารสำเร็จรูปอื่นๆ สิ่งปรุงรสอาหาร ข้าว อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เป็นต้น ขณะที่สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช เครื่องดื่มประเภทน้ำแร่น้ำอัดลมและสุรา สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์ และสัตว์น้ำสด แช่เย็น แช่แข็ง แปรรูปและกึ่งสำเร็จรูป เป็นต้น