คพ. เตรียมทีมกู้ภัยฉุกเฉินด้านสิ่งแวดล้อมในช่วงเทศกาลสงกรานต์

กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เตรียมทีมตอบโต้เหตุฉุกเฉินด้านสิ่งแวดล้อมของศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม (ศปก.พล.) ทั้งจากส่วนกลาง ศูนย์ควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง และสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 1 – 16 เพื่อรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินด้านมลพิษในช่วงเทศกาลสงกรานต์ รวมทั้งแจ้งเตือนโรงงานและผู้ประกอบการระมัดระวังอุบัติภัยสารเคมีช่วงหน้าร้อนและวันหยุดยาว

นายอรรถพล เจริญชันษา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มีความห่วงใยการเกิดอุบติภัยสารเคมีในช่วงวันหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ มอบหมายให้ คพ. จัดเตรียมทีมตอบโต้เหตุฉุกเฉินด้านสิ่งแวดล้อมของศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม (ศปก.พล.)

พร้อมเครื่องมือ อุปกรณ์การตรวจวิเคราะห์มลพิษในภาคสนาม และห้องปฏิบัติการสิ่งแวดล้อม ณ ที่ตั้งกรมควบคุมมลพิษ ศูนย์ควบคุมมลพิษจังหวัดระยอง และสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค 1 – 16 ร่วมปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนหน่วยงานท้องถิ่นในการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมและให้คำแนะนำทางวิชาการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในช่วงเทศกาลสงกรานต์ โดยหน่วยงานท้องถิ่นหรือประชาชนผู้พบเหตุสามารถแจ้งเหตุฉุกเฉินผ่านทางสายด่วนมลพิษ 1650 และเบอร์โทรศัพท์ประสานเหตุฉุกเฉิน หมายเลข 09 – 8253 – 2026

นายอรรถพล กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่มีวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน สถานประกอบการต่างๆ จะหยุดทำการหรือลดการผลิตเพื่อให้พนักงานกลับภูมิลำเนา ประกอบกับเป็นช่วงฤดูร้อนมักเกิดอุบัติภัยสารเคมีเกิดขึ้นบ่อยครั้ง อาทิ สารเคมี หกรั่วไหลจากโรงงานทีใช้แอมโมเนียเป็นสารทำความเย็น รวมทั้งเกิดไฟไหม้โรงงานหรือคลังจัดเก็บสารเคมี ไฟไหม้บริเวณสถานที่กำจัดขยะมูลฝอย รถบรรทุกสารเคมีและวัตถุอันตรายพลิกคว่ำ การระบายน้ำทิ้งจากแหล่งกำเนิดมลพิษต่างๆ และการลักลอบทิ้งกากของเสียอันตรายในพื้นที่สาธารณะ ได้แก่ บ่อดิน เหมืองร้าง พื้นที่ข้างถนนหรือจุดพักรถ แหล่งน้ำสาธารณะ และพื้นที่ลับตาคน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพอนามัยของประชาชนและสิ่งแวดล้อม

“คพ. ในฐานะที่เป็นหน่วยงานหนึ่งตามแผนป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยแห่งชาติ พ.ศ. 2558 จึงจัดเตรียมความพร้อมของเครื่องมือและบุคลากรของศูนย์ปฏิบัติการพิทักษ์สิ่งแวดล้อม (ศปก.พล.) เพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าว และขอความร่วมมือส่วนราชการ เครือข่ายหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัย และสถานประกอบการต่าง ๆ ในการจัดเตรียมบุคลากร ในการดูแลพื้นที่ เข้มงวดด้านความปลอดภัย และระมัดระวังในการขนส่งสารเคมีและวัตถุอันตราย การจัดเก็บ สารเคมีและวัตถุอันตรายให้ถูกหลักวิชาการ ดูแลระบบเตือนภัยและการดับเพลิงให้ใช้งานเป็นปกติเพื่อป้องกันเหตุที่จะเกิดขึ้น” นายอรรถพล กล่าว