อว. ภายใต้โครงสร้างใหม่จะรองรับงานใหญ่ที่มีคุณภาพสูง แต่จะเห็นผลระยะยาวและเกิดประโยชน์อย่างยั่งยืน

ศาสตราจารย์พิเศษ ดร.เอนก เหล่าธรรมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม เปิดเผยในการแถลงข่าว กฏกระทรวงการแบ่งส่วนราชการกระทรวงการอุดมศึกษาฯ 5 หน่วยงาน ประกาศ ในราชกิจจานุเบกษา ว่า หลังกฏกระทรวงการแบ่งส่วนราชการกระทรวงการอุดมศึกษาฯ ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ในทันทีกับหน่วยงานที่มีสถานภาพเป็นข้าราชการพลเรือน 5 หน่วยงาน จะมีผลเชิงบวกกับข้าราชการ บุคลากรและประชาคม อว. กว่าจำนวน 2 ล้าน 2 แสนคนทั่วประเทศ บทบาทของการเป็นหน่วยประสานงานกลางและหน่วยบริการกลางรวมทั้งการบูรณาการในเนื้องานจะสมบูรณ์มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

โดยเฉพาะสำนักงานปลัดกระทรวงฯ ที่รวมงานบริหารจัดการเชิงนโยบายด้านการอุดมศึกษามาจากสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา และ มีสถาบันอุดมศึกษาในสังกัดและในกำกับ 155 แห่งทั่วประเทศ มารวมกับการบริหารจัดการงานด้านวิทยาศาสตร์ การวิจัยและนวัตกรรม จะทำให้ส่วนราชการของกระทรวง อว. ภายใต้โครงสร้างใหม่ รองรับงานในภาพใหญ่ของสังคม ที่ขับเคลื่อนด้วยองค์ความรู้และการค้นคว้าวิจัยในระดับชาติได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งงานเหล่านี้จะเป็นงานคุณภาพสูง ที่ต่อยอดสู่การสร้างคนและสร้างนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และสังคมศาสตร์ ซึ่งจะเห็นผลในระยะยาวแต่ประเทศชาติและประชาชนจะได้รับประโยชน์อย่างยั่งยืน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษาฯ กล่าวต่อไปว่า การบูรณาการงานทั้งทางด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิจัยและนวัตกรรม จะทำให้กระทรวง อว. รับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกแบบก้าวกระโดดในยุคของการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมอย่างพลิกผัน หรือ Technology Disruption ได้ ตลอดจนยังมีแผนงาน/โครงการต่างๆ ทางด้านการอุดมศึกษา ที่จะขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องไปสู่ผู้รับบริการวิชาการทั่วประเทศ

รวมทั้งส่วนราชการอื่นจะสามารถประสานงานและใช้ประโยชน์ด้านการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมกับสถาบันอุดมศึกษา หน่วยวิจัยและหน่วยสร้างนวัตกรรม ภายใต้เครือข่ายของ อว ได้ทั่วประเทศเช่นกัน หรือจะประสานงานกับหน่วยงานใหม่ของ สป.อว. เช่น หน่วยงานด้านการขับเคลื่อนและพัฒนาการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ด้านการยกระดับคุณภาพการจัดการศึกษาระดับอุดมศึกษา ด้านระบบและบริหารข้อมูลเชิงยุทธศาสตร์การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ด้านการส่งเสริมและประสานเพื่อประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม รวมทั้งหน่วยงานด้านการส่งเสริมและพัฒนากำลังคนและพัฒนาทุนทางปัญญา ได้เช่นกัน “ อว.ยังมีงานที่ต้องผลักดันต่อเนื่องตามนโยบายรัฐบาล ด้วยกลไกของโครงสร้างใหม่ คือ

1. การขับเคลื่อนโครงการมหาวิทยาลัยสู่ตำบล เพื่อสร้างรากแก้วให้ประเทศไทย

2. การจัดตั้งวิทยสถานด้านสังคมศาสตร์ มนุษยศาสตร์ และศิลปกรรมศาสตร์แห่งประเทศไทย (ธัชชา) ขับเคลื่อนการพัฒนาวิชาการ วิจัย นวัตกรรมและพัฒนาบุคลากรด้านสังคมศาสตร์ครั้งสำคัญของประเทศ

3. การสนับสนุนและขับเคลื่อนการวิจัยที่สามารถแก้ไขปัญหาเร่งด่วนและลดความเหลื่อมล้ำในสังคม

4. การผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อสร้างองค์ความรู้ขั้นสูง แสวงหาพันธมิตรทางยุทธศาสตร์และวางรากฐานให้ประเทศ 

5. การพลิกโฉมระบบอุดมศึกษาไทย (Reinventing University) สร้างแรงจูงใจ ขับเคลื่อนและปลดล็อกข้อจำกัดในการพัฒนาความเป็นเลิศทางวิชาการและสร้างเสริมบทบาทของประเทศไทยในเวทีนานาชาติ ได้อีกด้วย” รมว.อว.กล่าวในตอนท้าย