‘รมช.ประภัตร’ เยี่ยมชมวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเครือข่ายพัฒนาโคเนื้อตาก เกษตรกรขานรับโครงการโคขุนกู้วิกฤต โควิด 19

นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมวิสาหกิจชุมชนกลุ่มเครือข่ายพัฒนาโคเนื้อตาก ณ ต.ตากตก อ.บ้านตาก จ.ตาก ว่า กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปลงใหญ่โคเนื้อในเขตปฏิรูปที่ดินมีเกษตรกรส่วนใหญ่ประกอบอาชีพหลักคือเกษตรกรรม โดยปลูกข้าวเป็นอาชีพหลักและเลี้ยงโคเนื้อเป็นอาชีพเสริม เกษตรกรสามารถปลูกข้าวได้ปีละ 1 ครั้ง เนื่องจากทรัพยากรดินและน้ำไม่เหมาะสมในการปลูกข้าว เกษตรกรอาศัยน้ำฝนเป็นหลักในการทำการเกษตร ทำให้ผลผลิตตกต่ำ เกษตรกรมีรายได้ไม่พอกับรายจ่าย และมีหนี้สิน และด้วยผลกระทบจากสถานการณ์ระบาดของไวรัสโคโรน่า 2019 ทำให้มีอุปสรรคในการประกอบอาชีพเพิ่มขึ้น เกษตรกรมีหนี้สินเพิ่มมากขึ้น ทำให้ไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้

ดังนั้น วิสาหกิจชุมชนกลุ่มเครือข่ายพัฒนาโคเนื้อตาก จึงมีแผนในการส่งเสริมและเพิ่มศักยภาพการเลี้ยงโคเนื้อลูกผสมพันธุ์ยุโรปให้แก่สมาชิก เพื่อจำหน่ายเป็นโคขุนซึ่งตลาดมีความต้องการสูง ประกอบกับกลุ่มฯ ได้ทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ในการซื้อขายโคกลางน้ำกับผู้ประกอบการเครือข่าย และต้องการต่อยอดทำเกษตรสมัยใหม่ โดยใช้เครื่องจักรกลเทคโนโลยี เครื่องมือ วัสดุอุปกรณ์ ยกระดับมาตรฐานและเพิ่มศักยภาพการเลี้ยงโคเนื้อและจัดการอาหารสัตว์เพื่อเพิ่มศักยภาพและความเข้มแข็งในการบริหารจัดการการผลิตสินค้าเกษตร ยกระดับสินค้า และสร้างโอกาสในการเพิ่มคุณภาพผลผลิต และผลตอบแทนจากการผลิต การลดต้นทุนการผลิต รายได้เพิ่มขึ้นอย่างยั่งยืนต่อไป สอดคล้องกับโครงการส่งเสริมการเลี้ยงสัตว์และกิจการที่เกี่ยวเนื่องฯ หรือ โคขุนกู้วิกฤติ โควิด19 ที่รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณ 50,000 ล้านบาท ให้เกษตรกร 1 ล้าน ดอกเบี้ย 100 บาท เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยงโคเนื้อ เรื่องจากเป็นที่ต้องการของตลาด เพิ่มศักยภาพการเลี้ยงโคเนื้อและโคขุนแก่สมาชิก เพื่อยกระดับสินค้าให้มีคุณภาพ และลดต้นทุนการผลิต

ทั้งนี้ แปลงใหญ่โคเนื้อดังกล่าว มีสมาชิกทั้งหมด 80 ราย มีวัวของสมาชิกทั้งหมดประมาณ 540 ตัว พื้นที่ 1,700 ไร่ แปลงหญ้าอาหารสัตว์สมาชิกแต่ละรายมีไม่น้อยกว่า 5 ไร่ รวมไม่น้อยกว่า 400 ไร่