พยากรณ์อากาศภาคกลางและภาคตะวันออก ประจำวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564

วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2564 บริเวณความกดอากาศสูงกำลังปานกลางระลอกใหม่หรือมวลอากาศเย็นจากประเทศจีนจะแผ่ลงมาปกคลุมประเทศไทยตอนบนและทะเลจีนใต้ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนจะมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่งเกิดขึ้นในระยะแรกหลังจากนั้นอากาศจะหนาวเย็นลงกับมีลมแรง

สำหรับภาคกลางมีลักษณะอากาศเย็นกับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง ส่วนมากทางตอนล่าง

อุณหภูมิสูงสุด 34-36 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม.

ลักษณะอากาศเช่นนี้ เกษตรกรผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ควรจะต้องปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการให้อาหารในจำนวนที่น้อยกว่าเดิม เนื่องจากในช่วงอุณหภูมิต่ำสัตว์น้ำจะกินอาหารได้น้อยลง นอกจากนี้หากเกษตรกรต้องการที่จะปลูกพืชรอบใหม่ ควรเลือกพืชที่มีอายุในการเก็บเกี่ยวสั้นๆและใช้น้ำไม่มาก

สำหรับกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ กับมีลมกระโชกแรงบางแห่ง

อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิต่ำสุด 24-26 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออก ความเร็ว 10-25 กม./ชม.

ลักษณะเช่นนี้ส่งผลให้ การสะสมของฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือ pm 2.5 มีการสะสมลดลง เนื่องจากลมที่พัดปกคลุมในช่วงนี้มีกำลังแรง

สำหรับภาคตะวันออกมีฝนฟ้าคะนองร้อยละ 10-30 ของพื้นที่ส่วนมากบริเวณจังหวัดฉะเชิงเทรา ชลบุรีระยอง จันทบุรี และตราด

อุณหภูมิสูงสุด 31-36 องศาเซลเซียส

อุณหภูมิต่ำสุด 21-25 องศาเซลเซียส

ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.

ลักษณะอากาศเช่นนี้ เกษตรกร ควรระวังและป้องกันการระบาดของด้วงหนวดยาวอ้อย ที่จะเข้าไปทำลายอ้อยในระยะเก็บเกี่ยวผลผลิตถึงระยะแตกกอได้ นอกจากนี้
ควรกำจัดวัชพืช โดยดูแลสวนให้โปร่ง และมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก เพื่อไม่ให้เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยหลบซ่อนของสัตว์มีพิษ

คลื่นลมบริเวณภาคตะวันออก อยู่ในเกณฑ์ปกติ ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 1 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 1-2 เมตร

ใช่วงนี้ บริเวณภาคกลาง ภาคตะวันออก รวมทั้งกรุงเทพมหานครและปริมณฑล จะมีฝนฟ้าคะนองกับมีลมกระโชกแรงบางแห่งเกิดขึ้น หลังจากนั้นอากาศจะหนาวเย็นลงกับมีลมแรง โดยอุณหภูมิจะลดลง 1-3 องศาเซลเซียส

ขอให้ประชาชนระวังอันตรายจากฝนฟ้าคะนองที่จะเกิดขึ้น โดยหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่โล่งแจ้ง ใต้ต้นไม้ใหญ่ ป้ายโฆษณาและสิ่งปลูกสร้างที่ไม่แข็งแรง
สำหรับเกษตรกรควรเตรียมการป้องกันและระวังความเสียหายที่จะเกิดต่อผลผลิตทางการเกษตรไว้ด้วย

สามารถติดตาม สอบถามได้ที่สายด่วน 1182 เว็บไซต์กรมอุตุนิยมวิทยา http://www.tmd.go.th​​​ แอปพลิเคชั่น thai weather Facebook youtube Channel twitter กรมอุตุนิยมวิทยา และ สถานีวิทยุกระจายเสียง ของกรมอุตุนิยมวิทยา