DSI สนธิกำลัง จับกุมโมเดลลิ่งเครือข่ายเผยแพร่ภาพลามกเด็กแหล่งใหญ่ของโลก

สืบเนื่องจากกรมสอบสวนคดีพิเศษได้รับข้อมูลจากตำรวจสากล (INTERPOL) ว่าพบภาพสื่อลามกอนาจารเด็กไทยจำนวนมาก ในปี 2561 กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ ปฏิบัติการร่วมกับ Australian Federal Police (AFP) ภายใต้ชื่อปฏิบัติการข้อมือดำ (Blackwrist) มีการตรวจค้นจับกุมและสืบสวน และขยายผลการตรวจค้นจับกุมทั้งในประเทศไทยและประเทศออสเตรเลีย นอกจากนี้ได้บูรณาการสนธิกำลังการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้แก่ Federal Bureau of Investigation (FBI), Homeland Security Investigations (HSI), สำนักงานองค์การตำรวจสากล (INTERPOL), ตำรวจนิวซีแลนด์, องค์กร Operation Underground Railroad (O.U.R.), มูลนิธิเอ-ทเวนตี้วัน (A21 Foundation), โครงการ LIFT International, มูลนิธิพิทักษ์สตรี (AAT), สำนักงานกฎหมาย TLCS Legal Advocate, มูลนิธิ Project Justice, โครงการลงมือทำ โดย สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (TIJ), สถานีตำรวจนครบาลโชคชัย, สถานีตำรวจภูธรคลองหลวง, กรมกิจการเด็กและเยาวชน (ดย.) ปฏิบัติการร่วมกันทั้งในประเทศและต่างประเทศ ในการปฏิบัติการดังกล่าวสามารถช่วยเหลือเด็กที่ตกเป็นเหยื่อได้เป็นจำนวนมาก

โดยเมื่อวันที่ 16 มกราคม 2561 กองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้บูรณาการสนธิกำลังกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์, สำนักการสอบสวนและนิติการ กรมการปกครอง, กองบังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 6 และองค์กรเอกชนไม่แสวงผลกำไรต่างๆ ทำการจับกุมผู้ต้องสงสัยสัญชาติไทย จำนวน 1 ราย ได้ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ สอดคล้องกับตำรวจประเทศออสเตรเลียได้ทำการจับกุมผู้ต้องหาในประเทศออสเตรเลียเช่นเดียวกัน จึงเกิดการสืบสวนขยายผลนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาเพิ่มเติมได้ที่จังหวัดลำปางเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม 2561 ซึ่งในพื้นที่พบผู้เสียหายอีกจำนวนหลายราย
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2561 ได้ข้อมูลเพิ่มเติมจากสำนักงานตำรวจสหพันธ์ออสเตรเลีย และองค์กร Operation Underground Railroad (O.U.R.) เป็นข้อมูลสื่อลามกอนาจารเด็กซึ่งเชื่อว่าผู้กระทำความผิดเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจของไทย จึงได้สนธิกำลังกับกองบังคับการปราบปราม ทำการตรวจสอบข้อมูลของผู้ต้องสงสัย จากการสืบสวนพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่จังหวัดพัทลุง กรมสอบสวนคดีพิเศษ

โดยกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ จึงได้บูรณาการสนธิกำลังกับกองบังคับการปราบปราม, กรมการปกครอง และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ทำการจับกุมผู้ต้องหารายดังกล่าวได้ที่บ้านพักในพื้นที่จังหวัดพัทลุง จนสามารถนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหาที่มีพฤติการณ์ชอบสะสมภาพลามกอนาจารเด็กได้ในหลายพื้นที่ในสหรัฐอเมริกาและอีกหลายประเทศ ต่อมาวันที่ 21 พฤษภาคม 2563 กรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่วมกับสถานีตำรวจนครบาลโชคชัย ทำการตรวจค้นที่พักอาศัย นายฐกร อรรถปฐมชัย พบภาพ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำลามกอนาจารเด็ก และเสื้อผ้าเด็กจำนวนหนึ่ง โดยนายฐกรฯ ได้ยอมรับว่าเคยล่วงละเมิดทางเพศเด็กจำนวนหลายราย จึงได้ตรวจยึดวัตถุพยานและนำตัวส่งเพื่อดำเนินคดี โดยกรมสอบสวนคดีพิเศษ และองค์กร Operation Underground Railroad (O.U.R.) ได้สืบสวนขยายผลพบไฟล์ข้อมูลสื่อลามกอนาจารเด็ก และเชื่อว่าไฟล์ข้อมูลดังกล่าวอยู่ที่บ้านเลขที่ 37/3561 หมู่บ้านพฤกษา 13 หมู่ 4 ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง

จังหวัดปทุมธานี จากการสืบสวนพบว่าบ้านหลังดังกล่าวเปิดเป็นสำนักงานโมเดลลิ่ง ชื่อ “เนเน่ โมเดลลิ่ง” ซึ่งมีนายดนุเดช หรือนุ หรือเนเน่ แสงแก้ว เป็นผู้พักอาศัยอยู่ และเป็นผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อสร้างโฟลเดอร์ที่ภายในบรรจุไฟล์สื่อลามกอนาจารเด็กที่สามารถส่งต่อได้ รวมถึงมีการล่วงละเมิดทางเพศเด็กทางกายภาพ กรมสอบสวนคดีพิเศษ โดยกองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ

จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานยื่นคำร้องขอออกหมายจับนายดนุเดช แสงแก้ว จนกระทั่ง ในวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2564 กองกิจการต่างประเทศและคดีอาชญากรรมระหว่างประเทศ โดยศูนย์ป้องกันปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับเพศและสื่อลามกอนาจารเด็กออนไลน์ ได้สนธิกำลังร่วมกับ สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และองค์กรเอกชนไม่แสวงหาผลกำไร จับกุมนายดนุเดช แสงแก้ว หรือนุ หรือเนเน่ ผู้ต้องหาตามหมายจับ สัญชาติไทย ได้ที่บ้านพักเลขที่ 37/3561 หมู่ 5 ตำบลคลองสาม อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี

ซึ่งใช้เป็นสำนักงานเนเน่โมเดลลิ่ง (Nene Modeling) ในข้อหานำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามก และข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปีหรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ, กระทำชำเรา และพยายามกระทำชำเราเด็กอายุ ยังไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช่ภริยาหรือสามีของตน โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่เจ็ดปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งแสนสี่หมื่นบาทถึงสี่แสนบาท หรือจำคุกตลอดชีวิต, กระทำอนาจารแก่เด็กอายุไม่เกิน 13 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม พาเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเพื่อการอนาจาร แม้ผู้นั้นจะยินยอมก็ตาม และพรากเด็กอายุยังไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อการอนาจาร ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสิบห้าปี หรือปรับไม่เกินสามแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยเจ้าหน้าที่ทำการตรวจค้นพบตัวนายดนุเดช แสงแก้ว หรือนุ หรือเนเน่ ผู้ต้องหาตามหมายจับ โดยผลการตรวจค้นพบภาพลามกอนาจารเด็กทั้งเด็กหญิงและเด็กชายในคอมพิวเตอร์จำนวนมาก จึงได้ทำการยึดอุปกรณ์ต่างๆ อาทิ เช่น ฮาร์ดดิส อุปกรณ์บันทึกข้อมูล SSD โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์กระตุ้นอารมณ์ทางเพศ เจลหล่อลื่น ถุงมือยาง และถุงยางอนามัย

จากการสืบสวนและจับกุมนายดนุเดช แสงแก้ว ในครั้งนี้ อาจกล่าวได้ว่าเป็นการพบคลังภาพลามกอนาจารเด็กมากกว่า 500,000 ไฟล์ภาพ ซึ่งนับว่าเป็นการได้มาซึ่งภาพลามกอนาจารเด็กที่มากที่สุดครั้งหนึ่ง และเกี่ยวพันกับการล่วงละเมิดทางเพศเด็กจำนวนหลายพันราย ภายใต้ความร่วมมือของหน่วยงาน ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศมากกว่าครั้งใดๆ ในประวัติศาสตร์การสืบสวนสอบสวน จับกุมในประเทศไทย

สุดท้ายนี้ กรมสอบสวนคดีพิเศษขอแจ้งเตือนพ่อแม่และผู้ปกครองของเด็ก ให้คอยสอดส่องดูแลบุตรหลานในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบว่า บุตรหลานตกเป็นเหยื่อ ขอให้รีบแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการกับผู้กระทำความผิดต่อไป ทั้งนี้ สามารถแจ้งข้อมูล/เบาะแสได้ที่เว็บไซต์กรมสอบสวนคดีพิเศษ www.dsi.go.th หรือ สายด่วนกรมสอบสวนคดีพิเศษ โทร. 1202, เว็บไซต์มูลนิธิสายเด็ก www. childlinethailand.org โทร. 1387, ไทยฮอตไลน์ www.thaihotline.org สายด่วน 089-4934893