ปปง. ยึดอายัดทรัพย์คดี 3 คดี พนันออนไลน์ – ฉ้อโกง – ค้ามนุษย์ รวมมูลค่ากว่า 90 ล้านบาท

วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564 พลตำรวจตรี ปรีชา เจริญสหายานนท์ รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. กล่าวว่า คณะกรรมการธุรกรรมในคราวประชุม ครั้งที่ 2/2564 เมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2564 ได้มีมติเห็นชอบให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในรายคดีสำคัญที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ดังนี้

1. รายคดี นายแทนไท ณรงค์กูล กับพวก นายแทนไทฯ กับพวก ได้ก่อตั้งเว็บไซต์พนันออนไลน์ โดยมีรูปแบบการพนันให้เลือกเล่นหลายประเภท และได้ประกาศโฆษณาหรือชักชวนให้ผู้อื่นสมัครเป็นสมาชิกและโอนเงินเพื่อเล่นการพนันออนไลน์กับเว็บไซต์ดังกล่าว โดยได้เปิดบัญชีเงินฝากจำนวนหลายบัญชีเพื่อรับโอนเงินค่าสมัครสมาชิกและเล่นพนัน ทั้งยังพบเงินหมุนเวียนจำนวนมาก ซึ่งเป็นความผิดเกี่ยวกับการจัดให้มีการเล่นการพนันทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ อันเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (9) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยในคดีนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีมติเห็นชอบให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด (เพิ่มเติม) จำนวน 10 รายการ (เงินสด รถยนต์ ห้องชุด เงินและสินทรัพย์ดิจิทัล) พร้อมดอกผล รวมมูลค่ากว่า 16,000,000 บาท ไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน ตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ทั้งนี้ ในคดีดังกล่าว เลขาธิการ ปปง. พิจารณาใช้อำนาจตามมาตรา 48 วรรคสอง มีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด จำนวน 4 รายการ (เงินและหุ้นในบัญชีเงินฝากสหกรณ์ออมทรัพย์) รวมราคาประเมินทั้งสิ้นประมาณ 59,000,000 บาท พร้อมดอกผล มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2564 รวมมูลค่าทรัพย์สินทั้งสิ้นประมาณ 75,000,000 ล้านบาท

2. รายคดี บริษัท ทิมเบอร์เมท จำกัด กับพวก เป็นกรณีที่คนร้ายชาวต่างชาติหลอกลวงผู้เสียหาย ซึ่งอยู่ในต่างประเทศ ให้ซื้อหน้ากากอนามัย หรืออุปกรณ์ทางการแพทย์อื่นๆ ที่ได้ลงประกาศขายอันเป็นเท็จไว้บนเว็บไชต์ขายของหรือสร้างเว็บไซต์ขึ้นเองโดยใช้ข้อมูลส่วนตัวของหญิงไทยที่คบหากันเชิงชู้สาวกับกลุ่มคนร้ายในการจดทะเบียนจัดตั้งเว็บไซต์เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้เหยื่อหลงเชื่อและสั่งซื้อสินค้าจากคนร้าย เมื่อตกลงซื้อขายกันแล้ว คนร้ายจะแจ้งให้ผู้เสียหายโอนเงินค่าสินค้าเข้าบัญชีเงินฝากของธนาคารในประเทศไทยที่เปิดไว้ในชื่อของบริษัทที่จัดตั้งขึ้นโดยไม่ได้ประกอบธุรกิจจริง หรือให้โอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของคนร้ายหรือบัญชีเงินฝากธนาคารของหญิงไทยที่ถูกหลอกให้เปิดบัญชีซึ่งคนร้ายจัดเตรียมไว้แล้ว โดยจะมีคนร้ายชาวต่างชาติอีกกลุ่มหนึ่งยักย้ายถ่ายเททรัพย์สินไปยังบัญชีเงินฝากธนาคารอื่น หรือถอนเงินสดออกจากบัญชีเงินฝากทันที โดยผู้เสียหายไม่ได้รับสินค้าและไม่สามารถติดต่อกับกลุ่มคนร้ายได้อีก ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชนตามประมวลกฎหมายอาญา อันเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (3)แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยในคดีนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีมติเห็นชอบให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 38 รายการ (เงินสด เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร ที่ดิน รถยนต์ เครื่องประดับ และเครื่องใช้ไฟฟ้า) พร้อมดอกผล รวมมูลค่าประมาณ 10,000,000 บาท ไว้ชั่วคราว มีกำหนด ไม่เกิน 90 วัน ตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

3. รายคดี นายศิรพิบูลย์ กิตติศุภรัฐ กับพวก นายศิรพิบูลย์ฯ กับพวก มีส่วนร่วมในขบวนการนำพา คนต่างด้าวหลบหนีเข้ามาในประเทศไทย โดยขบวนการดังกล่าวมีบุคคลที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดในหลายท้องที่ การกระทำความผิดมีลักษณะการแบ่งหน้าที่กันทำ มีนายหน้าชาวต่างชาติเป็นผู้ชักชวนคนเพื่อเข้ามาทำงานและเรียกเก็บเงิน ค่าดำเนินการ เมื่อรวบรวมคนได้แล้ว จะมีคนพาข้ามแดนเข้ามายังประเทศไทย และลักลอบเดินทางมาด้วยรถยนต์ในลักษณะหลบซ่อนกันมาเพื่อให้พ้นจากการจับกุม ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ตามกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ และความผิดเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมที่มีกฎหมายกำหนดเป็นความผิด อันเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (2) และ (10) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยในคดีนี้ คณะกรรมการธุรกรรมมีมติเห็นชอบให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด จำนวน 2 รายการ (เงินในบัญชีเงินฝากธนาคาร และที่ดิน) พร้อมดอกผล รวมมูลค่าประมาณ 5,000,000 บาท ไว้ชั่วคราว มีกำหนดไม่เกิน 90 วัน ตามมาตรา 48 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

พลตำรวจตรี ปรีชาฯ รักษาราชการแทนเลขาธิการ ปปง. กล่าวเพิ่มเติมว่า เพื่อเป็นการตัดวงจรอาชญากรรมและตัดเส้นทางทางการเงินของผู้กระทำความผิด สำนักงาน ปปง. จะเน้นการสืบสวนขยายผลเพื่อยึดอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดในคดีต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ให้เกิดความเข้มข้นและเกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล ในการทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและเพื่อความสงบสุข ความมั่นคงของประเทศชาติต่อไป ภายใต้ปรัชญาการทำงานที่ว่า “ทรัพย์สินใดเป็นของแผ่นดิน ทรัพย์สินนั้นต้องกลับคืนแผ่นดินโดยไม่มีเงื่อนไข ด้วยกฎหมายฟอกเงิน” ทั้งนี้ หากพบเห็นบุคคลใดเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด สามารถโทรแจ้งหรือสอบถามได้ที่สายด่วน 1710