กรมการค้าต่างประเทศ

การค้าชายแดนและผ่านแดนของไทย ปี 2563 ลดลง 1.70% ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ในขณะที่การค้าผ่านแดนประเทศเพื่อนบ้านไปประเทศที่สามยังคงสดใสขยายตัว 8.41%

กรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เผยสถิติการค้าชายแดนและผ่านแดนของปี 2563 มีมูลค่า 1,319,325 ล้านบาท ลดลง 1.70% ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในขณะที่ การค้าผ่านแดนประเทศเพื่อนบ้านไปประเทศที่สามยังคงสดใส ขยายตัวสูงถึง 8.41% แม้ที่ผ่านมา ไทยต้องเผชิญหน้ากับปัจจัยรุมเร้ารอบด้านและปัจจุบันมีจุดผ่านแดนที่ยังคงเปิดทำการเพียง 35 แห่ง จากทั้งหมด 97 แห่งทั่วประเทศ

นายกีรติ รัชโน อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า สถิติการค้าชายแดนและผ่านแดนของไทย ปี 2563 มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,319,325 ล้านบาท ลดลง 1.70% เทียบกับปี 2562 โดยแบ่งเป็นการส่งออก 766,314 ล้านบาท ลดลง 2.16% และการนำเข้า 553,011 ล้านบาท ลดลง 1.05% ทั้งนี้ ไทยยังคงฝ่ายได้ดุล การค้ากับประเทศเพื่อนบ้านต่อเนื่อง 213,303 ล้านบาท

ในปี 2563 สถิติการค้าชายแดนของไทยกับเพื่อนบ้าน (มาเลเซีย เมียนมา สปป.ลาว และกัมพูชา) มีมูลค่า 760,241 ล้านบาท ลดลง 8.01% โดยมาเลเซียยังคงเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่ง มีมูลค่าการค้ารวม 249,499 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อนหน้า 9.10% รองลงมา สปป.ลาว มีมูลค่าการค้ารวม 189,836 ล้านบาท ลดลง 3.85% เมียนมา มีมูลค่าการค้ารวม 164,779 ล้านบาท ลดลง 14.74% และกัมพูชา มีมูลค่าการค้ารวม 156,127 ล้านบาท ลดลง 3.15% สำหรับ สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปมาเลเซีย ได้แก่ ยางพารา เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ และรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ สปป.ลาว ได้แก่ น้ำมันดีเซล สินค้าปศุสัตว์อื่นๆ และน้ำมันสำเร็จรูปอื่นๆ เมียนมา ได้แก่ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำมันดีเซล และผ้าผืนและด้าย และกัมพูชา ได้แก่ เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ สินค้าปศุสัตว์อื่นๆ และรถยนต์นั่ง ปัจจัยที่ทำให้มูลค่าการค้าชายแดนของไทยลดลงอย่างมีนัยสำคัญ มาจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว สงครามการค้าที่ยืดเยื้อ ค่าเงินบาทแข็งค่า และการระบาดของโรคโควิด-19 ที่ทำให้ทั้งไทยและประเทศเพื่อนบ้านต่างๆ ปิดจุดผ่านแดนเพื่อขนส่งสินค้าหลายแห่งโดยปัจจุบัน เหลือจุดผ่านแดนที่ยังคงเปิดทำการ เพียง 35 แห่ง จากทั้งหมด 97 แห่งทั่วประเทศ และในทุกๆ แห่งก็เพิ่มความเข้มงวดในการตรวจปล่อย/การขนส่งสินค้าข้ามแดนและผ่านแดนระหว่างกัน

ในขณะที่ การค้าผ่านแดนประเทศเพื่อนบ้านไปตลาดจีน สิงคโปร์ เวียดนาม และประเทศอื่นๆ มีมูลค่ารวม 559,083 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.41% โดยจีนยังคงเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับหนึ่ง มีมูลค่าการค้ารวม 238,790 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.01% รองลงมา สิงคโปร์ มีมูลค่าการค้ารวม 88,729 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.16% ในขณะที่ เวียดนาม มีมูลค่าการค้ารวม 59,300 ล้านบาท ลดลง 10.79% และประเทศอื่นๆ มีมูลค่าการค้ารวม 172,265 ล้านบาท ลดลง 1.30% สินค้าส่งออกสำคัญของไทยไปจีน ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบ และยางพารา สิงคโปร์ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และส่วนประกอบเครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบและส่วนประกอบ และแผงวงจรไฟฟ้า และเวียดนาม ได้แก่ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็ง และแห้ง เครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ อุปกรณ์กึ่งตัวนำ ทรานซิสเตอร์ และไดโอด

นายกีรติฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ที่ผ่านมาการค้าชายและผ่านแดนของไทยจะได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบต่างๆ ทั้งสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว สงครามการค้าที่ยืดเยื้อ ค่าเงินบาทแข็งค่า และการระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งทำให้มีการปิดจุดผ่านแดนตามด่านต่าง ๆ ทำให้สินค้าไทยไม่สามารถส่งไปยังประเทศปลายทางได้อย่างปกติ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ได้มีการสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกระทรวงพาณิชย์ดำเนินการประสานงานกับหน่วยงานในต่างประเทศแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไปได้ เช่น กรณีส่งออกผลไม้ไทยไปจีน และการเปิดด่านเพิ่มเติม (ทางใต้) ซึ่งกรมการค้าต่างประเทศ คาดว่า ปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อเนื่องอีกไม่นาน ซึ่งภายหลังจากที่ไทยและประเทศเพื่อนบ้านต่างๆ ใช้วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มากขึ้น ปัญหาการปิดจุดผ่านแดนและมาตรการที่เข้มงวดต่างๆ ในการตรวจปล่อยสินค้าจะเริ่มผ่อนคลาย ซึ่งกรมฯ ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และเตรียมความพร้อม โดยวางแผนเชิงรุกจัดกิจกรรมส่งเสริมการค้าชายแดนในรูปแบบ New Normal เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การค้าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

อย่างไรก็ดี สำหรับผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลสถิติการค้าชายแดนและผ่านแดนทั่วประเทศได้ที่เว็บไซต์ www.dft.go.th/bts ศูนย์บริการข้อมูลการค้าชายแดนฯ หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่สายด่วน 1385 ต่อ 121 หรือสายตรง โทร. 0 2547 4729
***************************