กระทรวงเกษตรฯ เปิดปฏิบัติการฝนหลวงสู้ภัยแล้ง ประจำปี 2564 พร้อมตั้งศูนย์ปฏิบัติการทั่วประเทศ เร่งแก้ปัญหาภัยแล้ง โดยน้อมนำศาสตร์พระราชามาเป็นแนวทางในการป้องกันและแก้ไข

ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานพิธีเปิดปฏิบัติการฝนหลวงสู้ภัยแล้งประจำปี 2564 พร้อมด้วย นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายทองเปลว กองจันทร์ ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ณ สนามบินนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ ในการนี้ได้มีการตรวจแถวชุดปฏิบัติการฝนหลวง 10 ชุด และคล้องพวงมาลัยให้กับนักบินที่ไปประจำการ ณ ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภูมิภาคต่าง ๆ ประกอบด้วย ชุดปฏิบัติการของกรมฝนหลวงและการบินเกษตร 7 ชุด ชุดปฏิบัติการฝนหลวงกองทัพอากาศ 1 ชุด ชุดปฏิบัติการฝนหลวงกองทัพบก 1 ชุด และชุดอากาศยานปีกหมุน 1 ชุด เพื่อแสดงถึงความพร้อมของหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงทุกหน่วยที่จะออกปฏิบัติการฝนหลวง และสร้างขวัญกำลังใจให้แก่เจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆพร้อมร่วมกันปล่อยขบวนคาราวานเครื่องบินฝนหลวงออกปฏิบัติการทั่วประเทศ

ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวว่า จากสถานการณ์ภัยแล้งในปี 2564 มีแนวโน้มที่จะรุนแรงมากขึ้นกว่าทุกปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะเกิดขึ้นเป็นระยะเวลานาน ส่งผลกระทบต่อการขาดแคลนน้ำ ในการอุปโภค – บริโภค และการเกษตร รวมถึงเขื่อนและอ่างเก็บน้ำต่าง ๆที่มีปริมาณน้ำน้อย ในขณะนี้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้มอบหมายให้กรมฝนหลวงและการบินเกษตร ในฐานะหน่วยงานดูแลบริหารจัดการน้ำในชั้นบรรยากาศ เร่งปฏิบัติการฝนหลวง เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้รวดเร็วมากขึ้น จากปกติที่มีการเริ่มปฏิบัติการฝนหลวงในวันที่ 1 มีนาคมของทุกปี มาเป็นวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2564 ในวันนี้ โดยได้น้อมนำศาสตร์ตำราฝนหลวงพระราชทานของ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เป็นแนวทางในการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยแล้งให้แก่เกษตรกรและผู้ใช้น้ำทั่วทั้งประเทศ รวมถึงการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้กับระบบบริหาร จัดการน้ำของประเทศด้วย

ด้าน นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับในปี 2564 มีแผนปฏิบัติการฝนหลวงช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรที่ประสบภัยแล้ง และสร้างความชุ่มชื้นให้กับป่าไม้ การเติมน้ำต้นทุนให้กับอ่างเก็บน้ำและเขื่อนต่างๆ ของประเทศ ป้องกันการเกิดไฟป่าและบรรเทาปัญหาหมอกควัน รวมทั้งสถานการณ์ปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) เกินเกณฑ์มาตรฐานซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั่วไป ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ ถึงวันที่ 31 ตุลาคม 2564 โดยศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงประจำ 5 ภูมิภาค จำนวน 7 ศูนย์ ประกอบด้วย 1) ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือตอนบน ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดเชียงใหม่ ณ สนามบินกองบิน 41 อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 2) ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือตอนล่าง ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดพิษณุโลก ณ กองบิน 46 อ.เมือง จ.พิษณุโลก 3) ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลาง ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดนครสวรรค์ ณ สนามบินนครสวรรค์ อ.เมือง จ.นครสวรรค์ 4) ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดอุดรธานี ณ สนามบินกองบิน 23 อ.เมือง จ.อุดรธานี 5) ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดบุรีรัมย์ ณ ท่าอากาศยานบุรีรัมย์ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์ 6) ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดระยอง ณ สนามบินอู่ตะเภา อ.บ้านฉาง จ.ระยอง และ7) ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ ตั้งหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดสุราษฎร์ธานี ณ กองบังคับการกองบิน 7 อ.พุนพิน จ.สุราษฎร์ธานี ทั้งนี้ภายในงานได้มีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโควิด – 19 โดยมีการจัดเจ้าหน้าที่ประจำจุดลงทะเบียน และตรวจวัดอุณภูมิผู้เข้าร่วมงาน มีบริการเจลแอลกอฮอล์ประจำจุดต่าง ๆ มีการเว้นระยะห่างเพื่อป้องกันโรค และกำหนดให้ผู้ร่วมงานสวมใส่หน้ากากอนามัยตลอดทั้งงานด้วย