“เฉลิมชัย” มอบนโยบายบริหารจัดการผลไม้เชิงรุก ปี2564 “ฟรุ๊ตบอร์ด”(Fruit Board) ขานรับอนุมัติโครงการและงบประมาณกว่า 400 ล้านบาท

 รายงานข่าวจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แจ้งวันที่ 29ม.ค. ว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อนได้มอบหมายให้นายอลงกรณ์ พลบุตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ (Fruit Board) ครั้งที่ 2/2564  ณ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายนราพัฒน์ แก้วทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายประยูร อินสกุล รองปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายทินกร อ่อนประทุม คณะที่ปรึกษารัฐมนตรีเกษตรฯ นายชาตรี บุญนาค รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร ฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฯ และคณะกรรมการ ประชุมทางไกลออนไลน์ผ่านระบบ ZOOM  Application

โดยนายอลงกรณ์ ได้ย้ำถึงแนวทาง 5 ยุทธศาสตร์ 15 นโยบายหลักของ ดร.เฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในการบริหารงาน ปี 2564 และขอให้ใช้กลยุทธ์เชิงรุกในการทำงานยุคโควิด-19
ต่อคณะกรรมการ fruit board โดยมอบหมายฝ่ายเลขานุการคณะกรรมการฯ ประสานการจัดทำแผนการบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่อุปทานผลไม้ ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำจากสวนถึงผู้บริโภค รวมทั้งปรับแผนโลจิสติกส์ (logistics plan) ระบบการขนส่งกระจายผลไม้ทั้งในและต่างประเทศ โดยเพิ่มแผนขนส่งทางรางเชื่อมไทยเชื่อมโลกเชื่อมทางรถไฟจีนที่ลาวและที่ด่านผิงเสียงชายแดนเวียดนามสู่ตลาดจีนเกาหลี รัสเซีย มองโกเลีย เอเซียกลาง ตะวันออกกลางและยุโรป แผนการวิจัยและพัฒนาผลไม้ตลอดห่วงโซ่อุปทานใช้วิทยาการสมัยใหม่ และเทคโนโลยีเพื่อลดต้นทุนสร้างมูลค่าเพิ่มแผนแรงงาน แผนระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค แผนสื่อสารประชาสัมพันธ์และการตลาดโดยให้เร่งนำเสนอต่อที่คณะกรรมการฯ พิจารณาในการประชุมคราวหน้า เป็นการปรับกลยุทธ์การทำงานต่อเนื่องจากฤดูกาลผลิตปีที่แล้ว เพื่อรับมือกับผลกระทบจากโควิด-19 ปีที่ 2 และรับมือกับผลผลิตผลไม้ที่เพิ่มขึ้นในปีนี้กว่า 24% จากรายงานการคาดการณ์ของสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.)

ทั้งนี้ ที่ประชุมฟรุ๊ตบอร์ดได้เห็นชอบโครงการพัฒนาและแก้ไขปัญหาผลไม้ ปี 2564 งบประมาณ 492 ล้านบาท และมอบหมายกรมการค้าภายในนำเสนอคณะกรรมการบริหารกองทุนรวม เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรพิจารณาให้ความเห็นชอบในต้นเดือนกุมภาพันธ์ต่อไป สำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจกรรมตามโครงการฯ ที่สำคัญ ประกอบด้วย กิจกรรมสนับสนุนด้าน (1) การกระจายผลผลิตออกนอกแหล่งผลิตและการเชื่อมโยงการจำหน่ายช่วงผลผลิตออกสู่ตลาดมาก (2) การเพิ่มช่องการจำหน่าย (3) การรวบรวมรับซื้อผลผลิตเพื่อส่งออก (4) การจัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์และรณรงค์การบริโภคผลไม้ ซึ่งเป็นมาตรการรองรับสำหรับการบริหารจัดการรวมทั้งปัญหาผลกระทบจากสถานการณ์ COVID-19 ระลอกใหม่ โดยเน้นการแก้ไขปัญหาเชิงรุกล่วงหน้า อาทิ ปัญหาผลผลิตออกมาพร้อมกันในช่วงต้นฤดูร้อน ปัญหาโลจิสติกส์ การขนส่งผลไม้ทั้งทางบก ทางอากาศ และทางเรือจากค่าบริการที่เพิ่มขึ้น ตู้คอนเทนเนอร์ที่ขาดแคลน ปัญหาแรงงาน และประเด็นความเชื่อมั่นของตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะตลาดจีนกรณีการปนเปื้อนโควิด-19 ของสินค้าเกษตรที่จีนนำเข้าจากบางประเทศ จึงต้องเพิ่มมาตรการตรวจสอบย้อนกลับ (Traceability) รวมถึงมาตรการเพิ่มการสื่อสารเชิงรุกเพื่อสร้างความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ พร้อมกับประชาสัมพันธ์และทำการตลาดล่วงหน้าออนไลน์และออฟไลน์ นอกจากนี้ยังให้ส่งเสริมการแปรรูปผลไม้เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มโดยสนับสนุนให้จัดตั้งนิคมอุตสาหกรรมผลไม้ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้และภาคตะวันออกโดยประสานงานกับศูนย์ AIC ทุกจังหวัดและสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ร่วมขับเคลื่อน

นอกจากนี้ ที่ประชุมมีมติเห็นชอบเพิ่มจำนวนครัวเรือนเป้าหมายเกษตรกรในโครงการเยียวยาเกษตรกรชาวสวนลำไย ปี 2563 จาก 202,013 ครัวเรือน เป็น 202,173 ครัวเรือน โดยเบิกจ่ายค่าใช้จ่ายดังกล่าวภายใต้กรอบวงเงินงบประมาณเดิมที่คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติไว้เรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2563 วงเงินงบประมาณ 3,440,049,735 บาท และขยายระยะเวลาการดำเนินงานโครงการฯ จากเดิม 31 มกราคม 2564 เป็นสิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2564 เพื่อให้การดำเนินการเยียวยาชาวสวนลำไยในส่วนที่ยังตกหล่นครบถ้วนถูกต้องเป็นธรรมโดยจะนำเสนอ ครม.พิจารณาให้ความเห็นชอบ ต่อไป ส่วนการโอนเงินเยียวยาตามมติ ครม. 25 สิงหาคม นั้น ธกส. รายงานว่าโอนเสร็จแล้วกว่า99%เหลือเฉพาะเกษตรกรที่ติดขัดปัญหาไม่กี่ร้อยรายจาก 2 แสนราย

นอกจากนี้ที่ประชุมยังรับทราบรายงานโครงการกระจายผลไม้ Pre – order โดยประธานคณะอนุกรรมการ E- commerce ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (นายกฤชฐา โภคาสถิต) และการนำเสนอแผนงานของสมาคมทุเรียนไทยในการส่งเสริมการส่งออกทุเรียนไทยในช่วงการระบาดของ Covid -19 พร้อมทั้งจัดทำคลิปเผยแพร่ประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการบริโภคทุเรียนไทย “กินทุเรียนไทย มั่นใจปลอดไวรัส covid – 19” เป็นภาษาจีน-ไทย-อังกฤษโดยขอให้ช่วยเผยแพร่ในตลาดเป้าหมายด้วย

สำหรับแนวทางการบริหารจัดการผลไม้ช่วงวิกฤตการณ์ COVID – 19 ที่ผ่านมานั้น ในคราวประชุมคณะกรรมการพัฒนาและบริหารจัดการผลไม้ ครั้งที่ 1/2564 ได้มีมติเห็นชอบแนวทางบริหารจัดการผลไม้ ปี 2564 – 2566 ซึ่งเป็นแนวทางบริหารจัดการผลไม้ในระยะปานกลาง (3 ปี) ที่เน้นความสอดคล้องตามยุคสมัยปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีและเครื่องมือสื่อสารที่อำนวยความสะดวกมากขึ้นในยุค 4.0 ตลอดจนให้เข้ากับสถานการณ์การระบาดของโรค COVID – 19 โดยเน้นช่องทางการซื้อขายออนไลน์ซึ่งมีประสิทธิภาพในการกระจายได้สูง เกษตรกรมีการปรับเปลี่ยนวิถีการขายแบบใหม่ ไม่ต้องพึ่งพ่อค้าคนกลาง โดยให้คณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาผลิตผลการเกษตรระดับจังหวัด (คพจ.) ทุกจังหวัดส่งเสริมและสนับสนุนอำนวยความสะดวกเกษตรกรในพื้นที่ให้สามารถกระจายผลผลิตด้วยวิธีการค้าออนไลน์ให้มากขึ้นต่อไป เน้นการป้องกันตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงปลายทาง การเก็บเกี่ยวและการจัดการในสวนผลไม้จนถึงการขนส่งไปยังผู้บริโภคให้มีการปฏิบัติที่ปลอดภัย

———————