ปภ.รายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร เร่งคลี่คลายสถานการณ์ภัย – ช่วยเหลือผู้ประสบภัยโดยเร็ว

กระทรวงมหาดไทย โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) รายงานยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคใต้ตอนล่าง ตั้งแต่วันที่ 7 – 12 พ.ย. 61 ทำให้เกิดสถานการณ์ภัยใน 3 จังหวัด สถานการณ์คลี่คลายแล้ว 1 จังหวัด ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 2 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ และชุมพร รวม 10 อำเภอ 79 ตำบล 673 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 30,694 ครัวเรือน 71,702 คน ซึ่ง ปภ. ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมระดมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยสนับสนุนระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขังเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว รวมถึงแจกจ่ายถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น

นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคใต้ตอนล่าง ตั้งแต่วันที่ 7 – 12 พฤศจิกายน 2561 ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และเพชรบุรี รวม 13 อำเภอ 82 ตำบล 675 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 30,694 ครัวเรือน 71,702 คน ผู้เสียชีวิต 3 ราย ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว 1 จังหวัด ได้แก่ เพชรบุรี ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัย 2 จังหวัด รวม 10 อำเภอ 79 ตำบล 673 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 30,694 ครัวเรือน 71,702 คน ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่    3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอบางสะพานน้อย อำเภอบางสะพาน และอำเภอทับสะแก รวม 17 ตำบล 152 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 12,398 ครัวเรือน 27,961 คน เสียชีวิต 1 ราย ปัจจุบันระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง ชุมพร น้ำไหลหลากเข้าท่วมพื้นที่ 7 อำเภอ ได้แก่ อำเภอปะทิว อำเภอสวี อำเภอเมืองชุมพร อำเภอหลังสวน อำเภอทุ่งตะโก อำเภอท่าแซะ และอำเภอละแม รวม 62 ตำบล 521 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 18,296 ครัวเรือน 43,741 คน เสียชีวิต 2 ราย โรงเรียน 65 แห่ง ถนน 1,014 สาย สะพาน 57 แห่ง พื้นที่การเกษตรคาดว่าจะได้รับผลกระทบ 8,991 ไร่ ปัจจุบันระดับน้ำมีแนวโน้มลดลง ทั้งนี้ ปภ. ได้ร่วมกับจังหวัด ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดมเครื่องจักรกลด้านสาธารณภัยสนับสนุนระบายน้ำออกจากพื้นที่น้ำท่วมขังอย่างต่อเนื่อง เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้กลับสู่ภาวะปกติโดยเร็ว รวมถึงแจกจ่ายถุงยังชีพและเครื่องอุปโภคบริโภคแก่ผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น นอกจากนี้ ได้กำชับจังหวัดที่สถานการณ์คลี่คลายแล้วให้เร่งสำรวจและจัดทำบัญชีความเสียหาย เพื่อให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยตามระเบียบกระทรวงการคลังฯ ต่อไป

ท้ายนี้หากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อขอความช่วยเหลือได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป