“พุทธิพงษ์” ประกาศ NT มีศักยภาพเพียงพอขึ้นชั้น TOP 3 บริษัทโทรคมนาคมของไทยแน่นอน มั่นใจ ผลประกอบการปีแรกต้องได้กำไร

วันที่ 7 ม.ค.2564  นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ประกาศเป้าหมายในวันจดทะเบียนตั้งบริษัท โทรคมนาคมแห่งชาติ จำกัด (มหาชน) (National Telecom Public Company Limited : NT) หลังการควบรวมกิจการ ระหว่าง บริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือ CAT และบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) หรือ TOT ว่า ภายในปี 64 ระยะ 1 ปีนี้มั่นใจว่า NTจะขึ้นเป็น 1ใน 3 บริษัทโทรคมนาคมที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย เนื่องจาก NT เป็นบริษัทที่มีโครงสร้างพื้นฐานครบวงจรมากที่สุดมูลค่าสินทรัพย์มากถึง 300,000 ล้านบาท เพราะ NT มีเสาโทรคมนาคมกว่า 25,000 ต้นทั่้วประเทศ มีเคเบิ้ลใต้น้ำระหว่างประเทศเชื่อมต่อไปทุกทวีป ไม่เพียงเท่านั้น NT ยังถือครองคลื่นความถี่หลักเพื่อให้บริการรวม 6ย่านมีปริมาณ 600 เมกะเฮิรตซ์ มีท่อร้อยสายใต้ดินระยะทางรวม 4,600 กิโลเมตร สายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง 4 ล้านคอร์กิโลเมตร รวมทั้ง มี Data Center 13 แห่งทั่วประเทศ และมีระบบโทรศัพท์ระหว่างประเทศที่เข้าถึงจากทุกประเทศในโลก

โดยทั้งหมดที่ NT มี ทำให้เชื่อมั่นว่า ทั้งอุปกรณ์ ที่มีประสิทธิภาพ คุณภาพ ซึ่งไม่ได้คิดว่าจะต้องไปล้ม หรือ แข่งขันกับใคร และการทำงานทุกอย่างต้องมีเป้าหมาย การดำเนินงานจึงแบ่งเป็น 3 ช่วง จะมีการแถลงผลดำเนินงาน ทุก 3 เดือน 6 เดือน และ 1 ปี ซึ่งผู้บริหาร และพนักงานของ NT ทุกคนต้องปรับตัวเองให้พร้อมในการให้บริการ ไม่เพียงแค่ด้านโทรศัพท์เท่านั้น แต่ต้องมีด้าน Data center ที่ใช้ GDCC หรือ คลาวด์กลางรองรับหน่วยงานราชการก่อนเป็นอันดับแรก ที่จะทำให้ NT มีศักยภาพ รายได้และลูกค้า ที่สามารถพัฒนาขึ้นมาเป็นอันดับต้นๆ ของบริษัทโทรคมนาคมของไทยได้ ขณะที่เป้าหมายรายได้ ปี 64 นั้นเบื้องต้น ยืนยันว่า จะต้องมีผลกำไรอย่างแน่นอน

นายพุทธิพงษ์ ยืนยันว่า บอร์ดบริหาร NT รักษาการ มีความเป็นกลาง ไม่ตกหล่น ไม่เข้าข้างใคร ไม่โน้มน้าวให้ใครได้ประโยชน์ ซึ่งบอร์ดบริหารล้วนแต่มีประสบการณ์ ดูแลตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างที่โปร่งใสมาหลายองค์กร และจะลงไปกำชับคาดโทษสำหรับเจ้าหน้าที่พนักงานของ NT หากพบคนที่ทุจริต ส่วนการดูแลพนักงานทุกคนนั้น ตนได้ให้คำมั่นสัญญาว่า จะดูแลทุกคนที่เป็นเหมือนครอบครัวใหญ่ โดยเชื่อว่า ทุกคนใน NT นั้นรักองค์กรของตนเอง ขอให้ทุกคนสามัคคีเป็นหนึ่งเดียวกัน ซึ่งตนได้ให้แนวทางผู้บริหารว่า ต้องจัดกิจกรรมให้เกิดการหลอมรวมทั้ง 2 หน่วยงานที่มาร่วมกันใหม่ให้เกิดความกลมเกลียว มุ่งหน้าทำงานเพื่อองค์กร และเพื่อประเทศชาติ โดยอนาคตจะมีการสรรหาบอร์ดบริหารชุดใหม่ในเร็ว ๆ นี้

————–