พ.ต.ท. วรรณพงษ์ คชรักษ์ อธิบดีกรมพินิจ และคุ้มครองเด็กและเยาวชน เปิดเผยว่าหลังจากที่รัฐประกาศใช้มาตรการคุมเข้มการระบาดของไวรัสโควิด-19 ในหลายพื้นที่ ตนได้สั่งการไปยังสถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน รวมถึงศูนย์ฝึกต่างๆ ทั่วประเทศ ให้นำมาตรการคุมเข้มการแพร่ระบาดในพื้นที่กลับมาใช้อย่างเข้มข้น เพื่อเป็นการสร้างความปลอดภัยให้กับพื้นที่ให้กับเยาวชน และเจ้าหน้าที่ โดยได้ออกประกาศ ให้ชะลอการเข้าเยี่ยมเยาวชนในสถานพินิจฯ และศูนย์ฝึกทั่วประเทศ แบบถึงตัวหรือแบบใกล้ชิด และขอให้เปลี่ยนระบบเยี่ยมผ่านระบบวีดีโอคอนเฟอร์เรนท์แทน นอกจากนั้นแล้วสำหรับบุคคลภายนอกที่ต้องการเข้าทำกิจกรรมในพื้นที่และให้การสงเคราะห์นั้น ขอให้งดการเข้าทำกิจกรรมไปก่อน โดยมาตรการดังกล่าวจะใช้บังคับ เป็นเวลา 30 วัน นับจากวันนี้ (21 ธันวาคม)
พ.ต.ท.วรรณพงษ์ กล่าวด้วยว่าสำหรับมาตรการอื่นที่ได้กำชับ คือ ให้ตรวจคัดกรองเจ้าหน้าที่ที่ผ่านเข้าออกพื้นที่ปฏิบัติงานทุกครั้ง และหากเจ้าหน้าที่คนใดพักอาศัยในพื้นที่เสี่ยงระบาดให้อนุมัติทำงานที่บ้านได้ แต่ต้องรายงานต่อผู้อำนวยการสถานพินิจฯ นอกจากนั้นแล้วในกรณีที่ต้องนำตัวเยาวชนออกนอกพื้นที่ เช่น เดินทางไปศาล ต้องใช้มาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มข้น และเมื่อเดินทางกลับมายังสถานพินิจฯ ต้องเข้ารับการกักตัว และตรวจอุณหภูมิร่างกายทุกวัน นอกจากนั้นแล้วยังได้ให้สถานพินิจฯ ประสานไปยังศาลยุติธรรม เพื่อขอความอนุเคราะห์ให้ใช้ระบบวีดีคอนเฟอร์เร้นท์แทนการพาตัวขึ้นศาล ด้วย
“ในพื้นที่ที่มีความเสี่ยง เช่น จ.ราชบุรี ที่พบผู้ติดเชื้อนั้น กรมพินิจฯ มีสถานพินิจอยู่ในพื้นที่ด้วย ผมได้กำชับให้ยกระดับการรักษาความสะอาดและคัดกรองโรคอย่างเข้มข้น รวมถึงใช้มาตรการทางสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด เบื้องต้นเชื่อว่าแนวทางที่ประกาศและคุมเข้มนั้นจะทำให้ไม่เกิดการแพร่เชื้อภายในพื้นที่สถานพินิจฯ และเยาวชน รวมถึงเจ้าหน้าที่มีความปลอดภัยแน่นอน อย่างไรก็ตามผมได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากพื้นที่ใดพบความเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อ อาจมีคำสั่งให้สุ่มตรวจหาเชื้อโดยทันทีเช่นกัน ซึ่งผมยืนยันถึงการเตรียมความพร้อมเพื่อให้ทุกคนมีความปลอดภัยที่สุด” พ.ต.ท.วรรณพงษ์ กล่าว
……………………………………