📌 กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน เผยมาตรการคุมเข้มโควิด-19 ‘วอนพ่อแม่ผู้ปกครองไว้วางใจในมาตรการ’ และสามารถเยี่ยมบุตรหลานทางไกลผ่านโซเชียลมีเดียได้เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว…

• Facebook
• Twitter
• Line

🚨 เนื่องด้วยสถานการณ์ของโรคโควิด-19 มีความเสี่ยงสูงต่อการแพร่กระจายของโรค กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน ขอให้หน่วยงานในสังกัดทุกแห่ง เข้มงวดและยกระดับการป้องกัน เฝ้าระวังและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อ
ไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ดังต่อไปนี้

1. การคัดกรอง

เด็กและเยาวชนทุกราย มีการคัดกรองเด็กและเยาวชนรับใหม่ และที่กลับจากสถานที่ภายนอก ด้วยแบบคัดกรองโควิด-19 และจัดให้อยู่ในห้องแยกกักตัวดูอาการเป็นระยะเวลา 14 วัน เมื่ออยู่ครบกำหนดและไม่มีอาการใด จึงย้ายเข้าไปรวมกับเด็กและเยาวชนปกติได้

เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ต้องได้รับการคัดกรองและวัดอุณหภูมิร่างกายทุกครั้งก่อนเข้าสำนักงานหรือสถานที่ควบคุม และหากมีเจ้าหน้าที่เข้าไปในพื้นที่เสี่ยงที่มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อจำนวนมาก ให้รายงานผู้บังคับบัญชา ผู้บริหาร และงดการปฏิบัติงานและให้ปฏิบัติงานที่บ้าน (WORK FROM HOME) โดยทันที

ผู้มาติดต่อราชการ คัดกรองด้วยแบบคัดกรองโควิด-19 ทุกราย รวมถึงตรวจวัดอุณหภูมิร่างกาย ทำความสะอาดด้วยสบู่ และเจลแอลกอฮอล์ และให้สวมใส่หน้ากากอนามัยก่อนติดต่อราชการอย่างเคร่งครัด

2. การแยกกักตัวเด็กและเยาวชน

จัดทำห้องแยกกักตัวเด็กและเยาวชนรับใหม่ อย่างน้อย 2 ห้อง เพื่อสังเกตอาการเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 14 วัน จัดทำฉากกั้นแยกระหว่างเด็กและเยาวชนเฉพาะราย หากเด็กและเยาวชนมีอาการไข้ ไอ จาม ให้แยกออกไว้ในพื้นที่หรือห้องควบคุมเฉพาะสำหรับเด็กและเยาวชนเจ็บป่วย เพื่อเฝ้าระวัง หากอาการไม่ดีขึ้นให้ส่งเด็กหรือเยาวชนไปสถานพยาบาลเพื่อดำเนินการตรวจโรคต่อไป

3. มาตรการเยี่ยมญาติ

กรณีเกิดสถานการณ์การแพร่กระจายของโรค กำหนดระยะเวลาในการงดเยี่ยมญาติแบบใกล้ชิด และเพิ่มช่องทางการเยี่ยมแบบทางไกลโดยใช้ VDO Conference หรือทางโซเชียลมีเดีย (LINE / MANSENGER) แทน โดยให้เจ้าหน้าที่ชี้แจงทำความเข้าใจกับผู้ปกครองของเด็กและเยาวชน *ห้ามมิให้บันทึกเผยแพร่ภาพหรือคลิปเด็กและเยาวชนก่อนทำกิจกรรมการเยี่ยมทุกครั้ง จนกว่า
สถานการณ์จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

กรณีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคมีแนวโน้มที่ดีขึ้น และรัฐบาลประกาศมาตรการผ่อนปรนออกมาอย่างต่อเนื่อง ให้ผู้ปกครองเข้าเยี่ยมเด็กและเยาวชนได้ โดยปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคอย่างเคร่งครัด เช่น จำกัดจำนวนผู้เข้าเยี่ยม คัดกรองโรคตามมาตรการจัดระยะห่างระหว่างโต๊ะ จัดทำฉากกั้น ใส่หน้ากากอนามัยระหว่างเยี่ยม จัดระบบลงทะเบียนล่วงหน้า จัดเจลแอลกอฮอล์บริการ ทำความสะอาดโต๊ะและอุปกรณ์หลังเยี่ยมทุกครั้ง เป็นต้น

4. การจัดกิจกรรมกับบุคคลภายนอก ฯลฯ

กรณีเกิดสถานการณ์การแพร่กระจายของโรค งดให้บุคคลภายนอกเข้าจัดกิจกรรมกับเด็กและเยาวชนภายในสถานที่ควบคุมโดยเด็ดขาด ตามระยะเวลาที่กำหนด จนกว่าสถานการณ์จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น

กรณีสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคมีแนวโน้มที่ดีขึ้น อนุญาตให้บุคคลหรือหน่วยงานภายนอกเข้ามาจัดกิจกรรมภายในสถานที่ควบคุมได้ ภายใต้มาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เช่น จำกัดจำนวนบุคคลภายนอกเข้าไม่เกิน 3 คน ดำเนินการตรวจคัดกรองตามแบบคัดกรองและวัดอุณหภูมิ ให้ใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา และล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ก่อนเข้าไปในสถานที่ควบคุมอย่างเคร่งครัด เว้นระยะห่างในการจัดกิจกรรมกับเด็กและเยาวชน รวมถึงให้ทำความสะอาดสถานที่จัดกิจกรรมทุกครั้ง

5. การลงทะเบียนออนไลน์เพื่อเก็บข้อมูลการเข้าใช้งานในพื้นที่ผ่านแพลตฟอร์มไทยชนะ ให้หน่วยงานลงทะเบียนในแพลตฟอร์มไทยชนะ (www.ไทยชนะ.com) และกำชับให้ผู้เข้าใช้บริการในพื้นที่ของหน่วยงาน
สแกน QR Code เพื่อบันทึกข้อมูลการเข้าใช้บริการหรือร่วมกิจกรรมในพื้นที่ของหน่วยงานทุกครั้ง

…………………………………

กรมพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชน
21 ธันวาคม 2563