อธิบดีกรมการจัดหางาน แจ้งเตือนคนหางานที่จะเดินทางไปทำงานประเทศไต้หวัน ต้องปฏิบัติตามประกาศมาตรการป้องกันและควบคุมโรคโควิด-19 ของไต้หวัน ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาว เริ่มใช้แล้ว 1 ธ.ค.นี้ พบไม่ใส่หน้ากากอนามัยในที่สาธารณะมีโทษปรับ
นายสุชาติ พรชัยวิเศษกุล อธิบดีกรมการจัดหางาน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2563 ศูนย์ควบคุมโรคไต้หวัน ได้ประกาศมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงถึงฤดูหนาว โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2563 เพื่อเสริมสร้างมาตรการการกักตัวเมื่อเข้าไต้หวัน ป้องกันการแพร่ระบาดในระดับชุมชน และเสริมสร้างมาตรการด้านการแพทย์ในการตอบสนองต่อการแพร่ระบาด
“ศูนย์ควบคุมโรคไต้หวันขอให้ผู้ที่เดินทางเข้าไต้หวันทุกคน ตลอดจนผู้โดยสารต่อเครื่องบินที่ไต้หวัน ปฏิบัติตามมาตรการดังนี้
1. มาตรการกักตัวเมื่อเดินทางเข้าไต้หวัน ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2563 – 28 กุมภาพันธ์ 2564 (ตามเวลาท้องถิ่นของประเทศต้นทางของผู้เดินทาง) ผู้ที่เดินทางเข้าไต้หวันทุกคน (ไม่จำกัดสัญชาติ) รวมถึงผู้โดยสารต่อเครื่องบินที่ไต้หวัน และผู้ที่เดินทางเข้าไต้หวัน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา ทำงาน ปฏิบัติหน้าที่ทางการทูต ประกอบธุรกิจ หรืออื่นๆ ต้องแสดงใบรับรองผลตรวจโควิดที่แสดงผลเป็นลบ (COVID-19 RT-PCR) ซึ่งต้องออกใบรับรองแพทย์ภายใน 3 วันทำการ ก่อนขึ้นเครื่องบินเมื่อเดินทางเข้าไต้หวัน และหากพบให้ผลตรวจที่ไม่ถูกต้อง ผลตรวจปลอม หรือผู้เดินทางปฏิเสธ หลีกเลี่ยง หรือขัดขวางมาตรการในการกักตัว จะมีโทษปรับเป็นเงินจำนวน 10,000 – 150,000 เหรียญไต้หวัน และอาจถูกดำเนินคดีข้อหาปลอมแปลงผลการตรวจ โดยใบรับรองผลการตรวจโรคฯ ต้องออกโดยสถานพยาบาลที่รัฐบาลของประเทศผู้เดินทางให้การรับรองเป็นภาษาอังกฤษ หรือภาษาจีน หรือทั้งสองภาษา (อังกฤษ-จีน) ซึ่งต้องออกใบรับรองแพทย์ภายใน 3 วันทำการก่อนเดินทาง
2. มาตรการป้องกันในระดับชุมชน ประชาชนต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยในสถานที่สาธารณะ 8 ประเภทตามที่กำหนด ได้แก่ สถานพยาบาล ขนส่งสาธารณะ ร้านอาหาร สถานศึกษา สถานที่จัดนิทรรศการและกีฬา สถานบันเทิง ศาสนสถาน/สถานที่สักการะ สถานที่ทำงานและการประกอบธุรกิจ โดยตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2563 ผู้ที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการ มีโทษปรับเป็นเงินจำนวน 3,000 – 15,000 เหรียญไต้หวัน ตามกฎหมายการควบคุมโรคระบาดที่รัฐบาลท้องถิ่นกำหนด กรณีที่ประชาชนต้องการรับประทานอาหารในที่สาธารณะนอกเหนือจากสถานที่กำหนดข้างต้น สามารถทำได้โดยเว้นระยะห่างทางสังคม หรือจัดให้มีอุปกรณ์กั้นระยะห่าง สำหรับสถานที่ในร่ม สามารถถอดหน้ากากอนามัยชั่วคราวระหว่างรับประทานอาหาร และสำหรับสถานที่กลางแจ้ง หรือการจัดกิจกรรมนอกสถานที่ที่มีคนจำนวนมากต้องมีหน่วยงานบริหารจัดการและควบคุมการชุมนุมตามจำนวนของคนในสถานที่นั้น
ในส่วนมาตรการตอบสนองด้านสาธารณสุข โดยศูนย์ควบคุมโรคฯ ของไต้หวันเอง จะมุ่งเน้นเสริมสร้างระบบการรายงานผู้ติดเชื้อและขั้นตอนการเก็บตัวอย่างในการตรวจเชื้อ โดยเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการป้องกันโรคตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 ในช่วงฤดูหนาว ซึ่งมีมาตรการหลัก 4 ประการ ดังนี้ 1. สถานพยาบาลต้องปฏิบัติหน้าที่รายงานโรคระบาดตามกฎหมาย 2. จัดทำตัวชี้วัดในการรายงานและเก็บตัวอย่างการตรวจหาเชื้อไวรัสด้วยการเสริมสร้างการคัดกรองผู้ป่วยด้วยโรคปอดอักเสบที่แผนกผู้ป่วยนอก และแผนกฉุกเฉิน ของสถานพยาบาลในชุมชน 3. จัดทำตัวชี้วัดเสริมสร้างการคัดกรองผู้ป่วยใน 4. จัดทำตัวชี้วัดเสริมสร้างการติดตามดูแลสุขภาพของบุคลากรทางการแพทย์ จึงขอให้คนไทยที่เดินทางไปทำงานที่ไต้หวันปฏิบัติตามมาตรการดังกล่าวอย่างเคร่งครัด” อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าว
นายสุชาติฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2563 ตั้งแต่เดือนมกราคม – ตุลาคม 2563 กรมการจัดหางานมีการจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานในไต้หวันแล้ว ทั้งสิ้น 10,470 คน แบ่งเป็นบริษัทจัดหางานจัดส่ง จำนวน 7,404 คน กรมการจัดหางานจัดส่ง จำนวน 62 คน เดินทางไปทำงานด้วยตนเอง จำนวน 26 คน นายจ้างในประเทศไทยพาลูกจ้างไปทำงาน จำนวน 32 คน นายจ้างในประเทศไทยส่งลูกจ้างไปฝึกงาน จำนวน 64 คน และ Re-entry จำนวน 2,882 คน
สำหรับคนงานไทยที่ต้องการเดินทางไปทำงานในไต้หวัน นอกจากได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย และได้ค่าจ้างที่เหมาะสมแล้ว ยังต้องปลอดภัยจากโรคโควิด-19 ด้วย ซึ่งเป็นแนวทางที่กระทรวงแรงงาน โดยกรมการจัดหางานวางไว้ เพื่อประโยชน์สูงสุดของคนงานไทย ทั้งนี้ คนหางานที่ต้องการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด สำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 -10 หรือสายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร. 1506 กด 2 กรมการจัดหางาน