ปลัดสธ. มอบนโยบายบูรณาการระบบบริการปฐมภูมิ รพ.สต. – คลินิกหมอครอบครัว – พชอ.

ปลัดกระทรวงสาธารณสุข มอบนโยบายปี 2562 ขับเคลื่อนระบบสุขภาพปฐมภูมิแบบบูรณาการ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล คลินิกหมอครอบครัว และคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ  พร้อมสนับสนุนงบประมาณลงพื้นที่ ประชาชนมีส่วนร่วมในการส่งเสริมสุขภาพ

นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ว่า ในปีงบประมาณ 2562 กระทรวงสาธารณสุข จะเร่งพัฒนาระบบบริการปฐมภูมิแบบบูรณาการ โดยโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) คลินิกหมอครอบครัว คณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ (พชอ.) ร่วมกับภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วน  ดูแลประชาชนเป็นองค์รวมแบบผสมผสาน ทั้งการสร้างเสริมสุขภาพ ควบคุมและป้องกันโรค รักษาพยาบาล และการฟื้นฟูสภาพ และการจัดการปัจจัยเสี่ยงสุขภาพ ให้ประชาชนและชุมชนมีส่วนร่วม พึ่งตนเองได้ มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น กระทรวงสาธารณสุข สนับสนุนงบประมาณลงพื้นที่อำเภอละ 30,000 บาท และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) /สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สนับสนุนอำเภอละ 25,000 บาท รวมทั้งได้จัดตั้งสำนักสนับสนุนระบบสุขภาพปฐมภูมิที่ส่วนกลาง

นายแพทย์สุขุมกล่าวต่อว่า ในปีนี้จะปรับเกณฑ์การประเมินรพ.สต.ติดดาว ให้เหมาะกับบริบท และขนาด รพ.สต. โดยคงมาตรฐานด้านบริการประชาชน เน้นการเชื่อมโยงการทำงานระหว่างโรงพยาบาลแม่ข่ายและรพ.สต. มีการพัฒนาทีมพี่เลี้ยง และทีมประเมินระดับเขต จังหวัด และอำเภอ ส่วนคลินิกหมอครอบครัว เน้นการจัดตั้งในเขตเมือง/เขตประชากรหนาแน่น พัฒนาคุณภาพให้มีต้นแบบคลินิกหมอครอบครัวระดับเขต/จังหวัด มีเกณฑ์ประเมินมาตรฐาน (3S) และมีพัฒนาแอปพลิเคชันใช้ในคลินิกหมอครอบครัว สำหรับประชาชนและผู้ให้บริการ สำหรับคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอ เน้นให้เข้าใจเจตนารมณ์ของ พชอ. ที่มีพื้นที่เป็นฐาน ประชาชนเป็นศูนย์กลาง เป็นเจ้าของร่วมและการมีส่วนร่วม  พัฒนาศักยภาพและเพิ่มสมรรถนะของพชอ. พัฒนากลไกการเยี่ยมเสริมพลัง ทั้งจากส่วนกลาง เขต และจังหวัด และเชื่อมโยงกับระบบบริการ รพ.สต./ คลินิกหมอครอบครัว

ทั้งนี้ ขณะนี้ มีรพ.สต. ผ่านเกณฑ์รพ.สต.ติดดาวระดับ 5 ดาวจำนวน 4,987 แห่งคิดเป็นร้อยละ 50.88  ในปีนี้ตั้งเป้าหมายให้ได้ร้อยละ 60 มีคลินิกหมอครอบครัวแล้ว 1,170 แห่งจะจัดตั้งเพิ่มอีก 364 แห่ง และมีคณะกรรมการพัฒนาคุณภาพชีวิตระดับอำเภอครบทั้ง 878 อำเภอทั่วประเทศ โดยมีการกำหนดปัญหาคุณภาพชีวิตที่จะแก้ไข 5 ลำดับแรกได้แก่ ผู้สูงอายุ 461 แห่งคิดเป็นร้อยละ 19 อุบัติเหตุจราจร 415 แห่งคิดเป็นร้อยละ 17 ขยะ/สิ่งแวดล้อม 408 แห่งคิดเป็นร้อยละ 17 อาหารปลอดภัย 241 แห่งคิดเป็นร้อยละ 10 และโรคติดต่อ 227 แห่งคิดเป็นร้อยละ 10 ในปีนี้เน้นคุณภาพและผลลัพธ์ของโครงการที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน

************************