กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ร่วมกับ โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ และสมาคมเครือข่ายโกลบอล คอมแพ็ก แห่งประเทศไทย เปิดเวทีแลกเปลี่ยนและขับเคลื่อนหลักการ ”ธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน”ช่วงระหว่างและหลังสิ้นสุดการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พร้อมคำนึงถึงหลักการฟื้นฟูกลับที่ดีกว่า (Build Back Better )
วันพฤหัสบดีที่ 3 ธันวาคม 2563 เวลา 09.00 น. ณ ห้องประชุม Lotus..Suite 1-4 ชั้น 22 โรงแรมเซ็นทราราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม พร้อมด้วย นายนพปฎล เดชอุดม เลขาธิการสมาคมเครือข่ายโกลบอลคอมแพ็กแห่งประเทศไทย และ Ms. Lovita Ramguttee Deputy Resident Repersentative, UNDP Thailand เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมระดับชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน ครั้งที่ 4 (The 4th National Dialogue on Business and Human Rights) ภายใต้ประเด็น “ธุรกิจกับสิทธิมนุษยชนในโลกหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019” โดยมี นายเรืองศักดิ์ สุวารี อธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ เป็นผู้กล่าวรายงาน และได้รับเกียรติจาก นายวัลลภ นาคบัว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม นางทัศนีย์ เปาอินทร์ รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ผู้บริหาร ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และผู้แทนภาคธุรกิจ จำนวน 100 คน เข้าร่วม
สืบเนื่องจาก คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการระดับชาติว่าด้วยธุกิจกับสิทธิมนุษยชน ระยะที่ 1 (พ.ศ. 2562-2565) เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2562 ส่งผลให้กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ในฐานะหน่วยงานหลักรับผิดชอบแผนปฏิบัติการฯ มีหน้าที่สำคัญในการสร้างความตระหนักรู้ให้กับภาคธุรกิจ เพื่อส่งเสริมการดำเนินธุรกิจที่มีความรับผิดชอบและเคารพสิทธิมนุษยชน ซึ่งการประชุมฯ ในวันนี้ ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ ดำเนินการอย่างต่อเนื่องร่วมกับ โครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ และสมาคมเครือข่ายโกลบอล คอมแพ็ก แห่งประเทศไทย จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี เพื่อเป็นเวทีให้ภาคธุรกิจได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้ และเผยแพร่ข้อมูลการดำเนินงานที่เป็นแนวปฏิบัติที่ดีระหว่างกัน ตลอดจนเพิ่มพูนองค์ความรู้ที่เป็นประโยชน์และสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันให้แก่ภาคธุรกิจ โดยในปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 4 มุ่งเน้นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และต้นแบบที่ดีในการบริหารจัดการธุรกิจ ทั้งในช่วงระหว่างและภายหลังสถานการณ์ โควิด-19 รวมถึงการประเมินความเสี่ยงและผลกระทบต่อการจัดการธุรกิจในช่วงโควิด-19 และการเตรียมความพร้อมและแก้ปัญหาธุรกิจที่ได้รับผลกระทบ โดยคำนึงถึงหลักการฟื้นฟูกลับที่ดีกว่า (Build Back Better)
“การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 เป็นวิกฤติการณ์ระดับโลกที่ก่อให้เกิดผลกระทบในทุกมิติ โดยเฉพาะมิติด้านเศรษฐกิจ ซึ่งได้รับผลกระทบอย่างหนัก ซึ่งประเทศไทยจะต้องเตรียมความพร้อมเพื่อให้ประเทศสามารถก้าวผ่านระยะการฟื้นฟูเศรษฐกิจไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น เราจึงจำเป็นที่จะต้องปรับเปลี่ยนมุมมองการดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องและเหมาะสมกับสถานการณ์ในปัจจุบัน โดยคำนึงถึงแนวทางการดำเนินธุรกิจในรูปแบบวิถีปกติใหม่ หรือ New Normal ที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน และการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนอย่างแท้จริง และภายใต้มุมมองการดำเนินธุรกิจในรูปแบบวิถีปกติใหม่นั้น การดำเนินธุรกิจที่เคารพสิทธิมนุษยชน และการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ จะทวีความสำคัญมากยิ่งขึ้น เพราะจะช่วยลดความขัดแย้งและปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งจะทำให้ภาคธุรกิจสามารถประกอบกิจการได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน”
ทั้งนี้ ภาคธุรกิจขนาดใหญ่สามารถเป็นต้นแบบการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบและเคารพสิทธิมนุษยชนให้กับภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กได้ นอกจากนี้ ในภาพรวมภาคธุรกิจของประเทศไทย ในฐานะที่มีส่วนสำคัญในการผลักดันเศรษฐกิจในภูมิภาค จะสามารถเป็นต้นแบบให้กับประเทศต่าง ๆ เพื่อเป็นการยืนยันบทบาทนำของประเทศไทยในการดำเนินธุรกิจที่เคารพสิทธิมนุษยชนในระดับภูมิภาคได้ ซึ่งจะเป็นการช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับประเทศไทยในระดับระหว่างประเทศต่อไป
………………………………………………………………………….