กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ร่วมกับคณะอนุกรรมการเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ราชวิทยาลัย สูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย สถาบันพัฒนานโยบายสาธารณะ ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรมการแพทย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และสำนักงานประกันสังคม ประชุมหารือแนวทางผลักดันสิทธิประโยชน์ด้านการช่วยเหลือภาวะมีบุตรยาก เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่มีภาวะการมีบุตรยาก
วานนี้ (25 พฤศจิกายน 2563) นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางผลักดันสิทธิประโยชน์ด้านการช่วยเหลือภาวะมีบุตรยาก ณ ห้องประชุมนรพัฒน์ สำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ กรมอนามัย โดยมี ศ.นพ.กำธร พฤกษานานนท์ ประธานคณะอนุกรรมการเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์ ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย นพ.ดร.สรภพ เกียรติพงษ์สาร ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนานโยบายสาธารณะ นพ.โอฬาริก มุสิกวงศ์ ประธานคณะอนุกรรมการการศึกษา ราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทย และนพ.พีระยุทธ สานุกูล ผู้อำนวยการสำนักอนามัยการเจริญพันธุ์ นำเสนอข้อมูลเพื่อการพิจารณา และมีผู้เข้าร่วมประชุมจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กรมการแพทย์ กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และสำนักงานประกันสังคม
นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รักษาราชการแทนอธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า ที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้มีการผลักดันร่างข้อเสนอสิทธิประโยชน์ด้านการช่วยเหลือภาวะมีบุตรยาก โดยดำเนินการ ดังนี้
1. จัดทำร่างข้อเสนอสิทธิประโยชน์ด้านการช่วยเหลือภาวะมีบุตรยาก โดยผนวกเข้ากับข้อเสนอการเข้าถึงการตั้งครรภ์คุณภาพโดยการเข้าถึงการรักษาโรคภาวะมีบุตรยากของราชวิทยาลัยสูตินรีแพทย์แห่งประเทศไทยที่ผ่านตามเกณฑ์การคัดเลือกหัวข้อจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เรียบร้อยแล้ว โดยจัดทำข้อเสนอเป็นทางเลือก 3 ระดับ ได้แก่ 1) ให้สิทธิในการตรวจคัดกรองเบื้องต้น อาทิผู้หญิงสามารถตรวจคัดกรองความผิดปกติทางโครงสร้างของมดลูก โดยการตรวจภายในและตรวจอัลตราซาวด์ และสำหรับผู้ชายสามารถตรวจคัดกรองคุณภาพน้ำเชื้อหรือตรวจวิเคราะห์สเปิร์ม (Semen Analysis) เพื่อดูความแข็งแรงของอสุจิ 2) การเข้าถึงการรักษาด้วยการฉีดเชื้อ (IUI) และ 3) การทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) ทั้งนี้จะต้องจัดส่งภายในวันที่ 30 ธันวาคม 2563
2. ดำเนินการเตรียมความพร้อมในการจัดบริการในส่วนต่าง ๆ เพื่อรองรับการให้สิทธิการรักษา อาทิ การสร้างความเข้าใจ และปรับทัศนคติต่อการรักษาภาวะมีบุตรยาก ให้เข้าใจตรงกันว่าเป็นการรักษาโรค และเป็นสิทธิด้านอนามัยการเจริญพันธุ์ที่ประชาชนมีสิทธิได้รับ รวมทั้งเตรียมความพร้อมการจัดบริการของสถานบริการสาธารณสุข โดยเฉพาะการจัดบริการรักษาด้วยการฉีดเชื้อกับสูตินรีแพทย์ที่มีศักยภาพในการดำเนินการได้ และ
3. หารือกับกระทรวงการคลัง ในการออกมาตรการลดหย่อนภาษี ให้กับคู่สมรสที่เข้ารับการรักษาภาวะมีบุตรยาก เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายและส่งเสริมให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการมากยิ่งขึ้นด้วย
……………………………………………………..