ป.ป.ส. สนธิกำลังยึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดรายสำคัญ ยึดทรัพย์สินมูลค่าหลายร้อยล้านบาท

วันพุธที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ.2563 เวลา 10.00 น. ณ สำนักงาน ป.ป.ส.

ตามนโยบายรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม มุ่งเน้นการแก้ไขปัญหายาเสพติดทั้งระบบ
ด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ปราบปรามเครือข่ายผู้ค้ายาเสพติด โดยเฉพาะนายทุนระดับผู้สั่งการและผู้ที่เกี่ยวข้อง และมุ่งเน้นการยึดอายัดทรัพย์สิน ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 และประมวลรัษฎากร เพื่อทำลายโครงสร้างและตัดวงจรทางการเงินของเครือข่ายยาเสพติดอย่างเด็ดขาด

ภายใต้อำนวยการของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร., นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส., พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.(สส), พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก รอง ผบ.ตร.(ปป), พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้ช่วย ผบ.ตร.(ปป 6), พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส. และ พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผบช.ภ.6 ได้รับบัญชานำข้อสั่งการสู่การปฏิบัติ

สำนักงาน ป.ป.ส. โดย นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส., พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล รองเลขาธิการ ป.ป.ส., พ.ต.ท.ไพศิษฎ์ สังคหะพงศ์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส., นายธนากร คัยนันท์ รองเลขาธิการ ป.ป.ส., นายศราวุธ ภักดี ผอ.ปปส.ภ.6, นายอุดมชัย โลหณุต ผอ.สำนักปราบปรามยาเสพติด, นายไพศาล กันทะเตียน ผอ.สำนักตรวจสอบทรัพย์สินคดียาเสพติด และนายอภิกิต ฉ.โรจน์ประเสริฐ ผอ.สำนักการต่างประเทศ, ตำรวจภูธรภาค 6 โดย พล.ต.ท.อภิชาติ ศิริสิทธิ์ ผบช.ภ.6, พล.ต.ต.ชัยวัฒน์ ฉันทวรลักษณ์ รอง ผบช.ภ.6, พล.ต.ต.เอกรักษ์ ลิ้มสังกาศ รอง ผบช.ภ.6, พล.ต.ต.กรณ์ณพัชญ์ กิตติพิบูลย์ รอง ผบช.ภ.6, พล.ต.ต.ดำรงค์ เพ็ชรพงศ์ รอง ผบช.ภ.6, พล.ต.ต.พยูห์ ธนะศรีสืบวงศ์ รอง ผบช.ภ.6 และ พล.ต.ต.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รอง ผบช.ภ.6 กองบัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด โดย พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.นพดล ศรสาราญ รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.สุรศักดิ์ ปรักกมะกุล รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.อนุภาพ ศรีนวล รอง ผบช.ปส., พล.ต.ต.พรพิทักษ์ รู้ยืนยง ผบก.ปส.1, พล.ต.ต.วัชรินทร์ บุญคง ผบก.ปส.2,พล.ต.ต.บรรพต มุ่งขอบกลาง ผบก.ปส.3, พล.ต.ต.วุฒิพงษ์ นาวิน ผบก.ปส.4, พล.ต.ต.พลัฏฐ์ วิเศษสิงห์ ผบก.สกส., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ลีลาเขตต์ ผบก.ขส., พล.ต.ต.สมบัติ ชูชัยยะ ผบก.อก.บช.ปส., พล.ต.ต.หญิง วนิดา หาญบุญเศรษฐ ผบก.ประจำ บช.ปส. สนธิกำลังร่วมกันเปิด “ยุทธการพิทักษ์ไทย ยึดทรัพย์ ตัดวงจรยาเสพติด ครั้งที่ 6/2563” เพื่อดำเนินการในมิติด้านการปราบปราม และยึดทรัพย์สินเครือข่ายรายสำคัญ

สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 18 ต.ค. 2562 สภ.พะวอ จ.ตาก จับกุมผู้ต้องหา 2 คน พร้อมของกลาง ไอซ์น้ำหนักรวม 1.5 ตัน เหตุเกิดที่ด่านตรวจห้วยยะอุ อ.แม่สอด จ.ตาก ต่อมาได้ทำการขยายผลออกหมายจับผู้ร่วมเครือข่าย
ได้อีก 9 คน โดยได้ทำการสืบสวนติดตามจับกุมได้ 7 คน และหลบหนีไปยังประเทศเพื่อนบ้านจำนวน 2 คน จนกระทั่ง เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2563 เจ้าหน้าที่ได้จับกุม นายเกิดชนะ มินา ผู้ต้องหาที่หลบหนีหมายจับได้ ขณะลักลอบเข้ามาในประเทศไทย ที่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี จากนั้น นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. และ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร.(สส) ได้สอบปากคำ นายเกิดชนะ มินา ทราบว่า ผู้ที่เป็นเจ้าของยาเสพติด และเป็นนายทุนตัวการสำคัญระดับสั่งการ คือ นายฐาปนันทน์ หรือหนูเฉิน ธรรมรัตน์ธาดา ซึ่งเป็นเครือข่ายนักค้ายาเสพติดรายใหญ่ในพื้นที่ชายแดนภาคตะวันตก โดยมี น.ส.หลิน ชาล์ คนสนิทของ นายฐาปนันทน์ ทำหน้าที่ด้านการเงินให้กับเครือข่าย เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมพยานหลักฐาน สามารถออกหมายจับ นายฐาปนันทน์ และ น.ส.หลิน ชาล์ ในข้อหาสมคบกันกระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และสนับสนุนช่วยเหลือผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด มาตรา 6 และ มาตรา 8 ตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 โดยได้กำหนดเป็นแผนยุทธการฯ เข้าปฏิบัติการใน 4 จังหวัด รวมพื้นที่ปฏิบัติการ 13 จุดปฏิบัติการ ดังนี้ จ.เชียงใหม่ 2 จุดปฏิบัติการ, จ.ตาก 6 จุดปฏิบัติการ, จ.นนทบุรี 1 จุดปฏิบัติการ และ กรุงเทพฯ 4 จุดปฏิบัติการ

ซึ่งผลการปฏิบัติสามารถจับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับได้ 1 คน คือ น.ส.หลิน ชาล์ อายุ 34 ปี อีกทั้งยังสามารถยึดทรัพย์สิน ประกอบด้วย เงินฝากในธนาคารมูลค่า 30,225,737.95 บาท, บ้านและโฉนดที่ดิน 2 แปลง, รถยนต์ 2 คัน ธนบัตรต่างประเทศ มูลค่า 3,249,700 เหรียญสหรัฐ คิดเป็นเงินไทยประมาณ 97 ล้านบาท รวมมูลค่าทรัพย์สินประมาณ 186.7 ล้านบาท นอกจากนี้ยังพบว่ามีการโอนเงินไปยังธนาคารในประเทศเมียนมาร์ รวม 2,197.4 ล้านบาท สำนักงาน ป.ป.ส. ได้ประสานกับหน่วยงานตำรวจปราบปรามยาเสพติดของประเทศ เมียนมาร์ เพื่อดำเนินการต่อไป
ยุทธการดังกล่าว นับเป็นการบูรณาการความร่วมมือครั้งสำคัญของหลายหน่วยงาน และเป็นการใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.มาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 (มาตรการสมคบ สนับสนุนช่วยเหลือ) โดยขยายผลจับกุมบุคคลที่เกี่ยวข้องและยึดทรัพย์สิน เพื่อทำลายเครือข่ายและโครงสร้างการค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันตก ที่ส่งผลกระทบต่อสภาพปัญหาการแพร่ระบาดยาเสพติดของประเทศ

…………………………………………………………………..