ยสท. พร้อมปรับกลยุทธ์ ต่อยอดธุรกิจ ผลิตกัญชง-กัญชาเชิงพาณิชย์ และพัฒนาที่ดิน เพื่อเพิ่มรายได้อย่างยั่งยืน

การยาสูบแห่งประเทศไทย พร้อมเดินหน้าโครงการปลูกพืชทดแทน เพื่อช่วยเหลือชาวไร่ยาสูบในสังกัดที่ได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นภาษี พร้อมหารายได้เพิ่มทุกช่องทาง ทั้งการต่อยอดธุรกิจผลิตกัญชง-กัญชาเชิงพาณิชย์ โครงการพัฒนาธุรกิจที่ดินให้เกิดประโยชน์และเพิ่มรายได้ให้องค์กรในอนาคต เพื่อให้การดำเนินธุรกิจบรรลุผลสำเร็จตามพันธกิจขององค์กร คือ การนำส่งรายได้สู่รัฐ และการพัฒนาธุรกิจเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

นายภาณุพล  รัตนกาญจนภัทร ผู้ว่าการ ยสท. กล่าวว่า ยอดจำหน่ายบุหรี่ของ ยสท. ในปีงบประมาณ 2563 ลดลงจากปีงบประมาณ 2562 จำนวน 1,138.35 ล้านมวน (ร้อยละ 6.12)   ในภาพรวมการจำหน่ายยังคงได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากภาระภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560  ซึ่งมีการปรับเพิ่มขึ้นโดยคิดภาษีตามมูลค่าที่ร้อยละ 20 และร้อยละ 40  ทำให้ราคาบุหรี่ของ ยสท. ต้องปรับราคาขึ้น  ส่งผลให้ลูกค้าของ ยสท. จำนวนหนึ่งหันไปบริโภคบุหรี่ปลอมและบุหรี่เถื่อนทดแทน  นอกจากนี้  บุหรี่นำเข้าจากต่างประเทศยังเลือกที่จะปรับลดราคาขายปลีกลงมาเพื่อให้อยู่ในฐานภาษีขั้นต่ำ จึงเกิดการแข่งขันแย่งฐานลูกค้าหลักของ ยสท. โดยตรง  ทำให้ ยสท. ต้องเร่งปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มความสามารถทางการแข่งขัน  พร้อมกับเปิดช่องทางใหม่ ๆ ทางธุรกิจเพื่อหารายได้เพิ่มขึ้น  รวมทั้งเร่งรัดปราบปรามบุหรี่เถื่อนบุหรี่ผิดกฎหมาย เพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาดของบุหรี่ ยสท. และรักษาผลประโยชน์ของรัฐ

ภารกิจเร่งด่วนที่ ยสท. กำลังดำเนินการในขณะนี้ คือ การเสนอให้มีการทบทวนแก้ไขโครงสร้างภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ให้เหมาะสม รักษาผลประโยชน์รัฐ  สร้างรายได้ที่เป็นธรรมแก่ ยสท. ผู้ประกอบอุตสาหกรรม เกษตรกรและผู้ค้านับแสนราย บนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสังคม นอกจากนี้  ยสท. ยังเดินหน้าที่จะส่งเสริมการปลูกพืชเศรษฐกิจอื่นเพื่อทดแทนยาสูบ เช่น กัญชง-กัญชา เพื่อสร้างโอกาสในการลงทุนให้แก่ ยสท. และสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรเครือข่าย เป็นการช่วยเหลือเศรษฐกิจฐานรากของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ โดยในปีงบประมาณ 2563 ที่ผ่านมา ยสท. ได้ลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) ร่วมมือทางวิชาการกับมหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ และมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อร่วมกันพัฒนาพืชยาสูบ กัญชง กัญชา และพืชเศรษฐกิจอื่นๆ  ทั้งในด้านการวิจัย การผลิตบัณฑิต การพัฒนาบุคลากร การแลกเปลี่ยนนักวิชาการและนักวิจัย รวมทั้งการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องสู่เกษตรกรชาวไร่ในสังกัด ยสท.

อีกหนึ่งภารกิจสำคัญเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ ยสท. คือ การนำที่ดินที่มีอยู่ในครอบครองมาพัฒนาหรือทำโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์และเกิดรายได้เพิ่มขึ้น  เช่น ที่ดินใจกลางเมือง จังหวัดเชียงราย จำนวน 17 ไร่  ที่ดินใจกลางเมืองเชียงใหม่และริมแม่น้ำปิง 720 ไร่ ที่ดินจังหวัดหนองคายและนครพนม 20 ไร่  ที่ดินใจกลางกรุงเทพมหานครซึ่งอยู่ติดริมแม่น้ำกว่า 5 ไร่  ฯลฯ  ซึ่งที่ดินแต่ละแปลงสามารถนำไปพิจารณาทำโครงการได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งโรงแรม  ตลาด สปอร์ตคอมเพล็กซ์ หรือแม้แต่การพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ  โดยเร็วๆ นี้ ยสท. จะเปิดโอกาสให้เอกชนที่สนใจได้เข้ามายื่นข้อเสนอโครงการต่อไป