สถานการณ์ตลาดน้ำมัน สัปดาห์ที่ 26-30 ต.ค. 63 และคาดการณ์สัปดาห์ 2- พ.ย. 63 โดยหน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)

ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ

  • บริษัทน้ำมันแห่งชาติของลิเบียNational Oil Corp. (NOC) ยกเลิกเหตุสุดวิสัยการส่งมอบน้ำมันดิบ (Force Majeure) จากท่าส่งออกทั่วประเทศ และคาดการณ์ปริมาณการผลิตน้ำมันของประเทศจะเพิ่มขึ้นจาก 500,000 บาร์เรลต่อวัน ไปแตะระดับ 1 ล้านบาร์เรลต่อวันภายใน พ.ย. 63
  • นักลงทุนวิตกอุปสงค์น้ำมันอาจชะลอการฟื้นตัวจากมาตรการจำกัดการสัญจร (Lockdown) อย่างเข้มงวดในยุโรป เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของCOVID-19 อาทิ ผู้นำเยอรมนีประกาศแผนมาตรการ Lockdown บางส่วน ในช่วง 2-30 พ.ย.63 และประธานาธิบดีฝรั่งเศส ประกาศใช้มาตรการ Lockdown เช่นกัน

ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก

  • พายุโซนร้อนZeta (ความเร็วลม 105 กม./ชม.) พัดผ่าน Gulf of Mexico ของสหรัฐฯ ขึ้นฝั่งบริเวณรัฐ Louisiana ทำให้ ณ วันที่ 28 ต.ค. 63 แหล่งปิโตรเลียมบริเวณชายฝั่ง ผลิตน้ำมันดิบลดลง 15% จากกำลังผลิต อยู่ที่ 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน และผลิตก๊าซธรรมชาติลดลง 42% อยู่ที่ 1,569 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน (MMCFD)

แนวโน้มราคาน้ำมัน

ราคาน้ำมันดิบ ICE Brent และ NYMEX WTI เฉลี่ยในเดือน ต.ค. 63 ลดลง 10% และ 11% จากเดือน ก.ย. 63 ตามลำดับ ท่ามกลางมาตรการ Lockdown ในยุโรป ณ วันที่ 31 ต.ค. 63 นายกรัฐมนตรีอังกฤษประกาศ Lockdown ทั่วประเทศตั้งแต่ 5 พ.ย. 63 เป็นเวลา 4 สัปดาห์ หลังยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 ทะลุ 1 ล้านคน Bloomberg รายงานยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลก ณ วันที่ 2 พ.ย. 63 อยู่ที่ 46.4 ล้านราย โดยอยู่ในสหรัฐฯ 9.2 ล้านราย, อินเดีย 8.2 ล้านราย, บราซิล 5.5 ล้านราย, รัสเซีย 1.6 ล้านราย, ฝรั่งเศส  1.5 ล้านราย, และสเปน 1.2 ล้านราย ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตรวมอยู่ที่ 1.4 ล้านราย อย่างไรก็ตามกลุ่ม OPEC+ ที่อาจขยายกำหนดเวลาจำกัดการผลิตน้ำมันดิบ (จาก 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน เพิ่มขึ้น 2 ล้านบาร์เรลต่อวันเป็น 5.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน) จากแผนเดิมในเดือน ม.ค. 64 ให้ติดตามการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 3 พ.ย. 63

……………………………….

หน่วยธุรกิจการค้าระหว่างประเท