4 องค์กร เตรียมจัดกิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “การพัฒนาสินค้าท้องถิ่น สู่ตลาดสากล” เพิ่มมูลค่า สร้างความแตกต่าง คุณภาพที่ได้มาตรฐาน พร้อมขยายตลาดต่างประเทศ

หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ร่วมกับ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) องค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) และ หอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ (JCC) เตรียมจัดกิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “การพัฒนาสินค้าท้องถิ่น สู่ตลาดสากล” ในวันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน 2563 ณ ห้องสัมมนาชั้น 1 Coco View Hotel จังหวัดสมุทรสงคราม

นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เล็งเห็นความสำคัญที่จะส่งเสริมให้ผู้ประกอบการไทยมีการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยตระหนักดีว่าสินค้าไทยมีความหลากหลาย มีคุณภาพ ทั้งของกิน-ของใช้ จึงมุ่งมั่นที่จะแบ่งปันสิ่งดีดีผลักดันสินค้าไทย ตามนโยบายการขับเคลื่อน Happy Model (กินดี อยู่ดี ออกกำลังกายดี แบ่งปันสิ่งดีดี) ส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ โดยการเพิ่มมูลค่า สร้างความเป็นโดดเด่นไม่เหมือนใคร ควบคู่กับคุณภาพที่มี พร้อมทั้ง ขยายไปสู่ตลาดต่างประเทศในอนาคตอย่างไรก็ตาม ทั้ง 4 หน่วยงานดังกล่าวยังคงให้ความสำคัญต่อการพัฒนาสินค้าท้องถิ่นอย่างต่อเนื่อง เป็นปีที่ 3 โดยในปีนี้จะจัดกิจกรรมที่จังหวัดสมุทรสงคราม ซึ่งผู้ประกอบการจะได้รับฟังประสบการณ์ตรงจากผู้เชี่ยวชาญชาวญี่ปุ่นด้านการพัฒนาสินค้าท้องถิ่น เพื่อพัฒนาไปสู่ตลาดต่างประเทศ “ประเทศญี่ปุ่น ยังคงเป็นต้นแบบการท่องเที่ยวเชิงสร้างสรรค์ (Creative Tourism) ในการเล่าเรื่องและออกแบบสินค้า/บริการที่ดี สามารถผูกเรื่องราวระหว่างวัฒนธรรม แหล่งท่องเที่ยวกับสินค้า บริการ และร้านขายของฝากของที่ระลึกได้อย่างลงตัวและน่าสนใจ ร่วมถึงทัศนคติเชิงสร้างสรรค์อีกด้วย” นายกลินท์ กล่าวอย่างไรก็ตาม กลุ่มจังหวัดภาคกลางตอนล่าง อาทิ จังหวัดสมุทรสงคราม จังหวัดสมุทรสาคร และพื้นที่ใกล้เคียงอย่างจังหวัดนครปฐม ซึ่งเป็นจังหวัดเป้าหมายในการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ เพราะใกล้กรุงเทพ และยังเป็นจังหวัดที่โดดเด่นด้านแหล่งท่องเที่ยว มีพื้นที่สวนเกษตรท้องถิ่น ส่งผลให้มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไปด้วย  อีกทั้ง ยังเป็นจังหวัดที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ จึงเล็งเห็นว่าเป็นพื้นที่ที่ควรได้รับการส่งเสริมเป็นอย่างยิ่ง นอกจากการจัดกิจกรรมในจังหวัดสมุทรสงครามแล้ว ยังจะต่อยอดไปที่จังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นเมืองแห่งศิลปะและเป็นเมืองชายแดนที่มีความคึกคักด้านการค้าขายข้ามพรมแดนช่วง ในเดือนมกราคม 2564 อีกด้วย

นายอัทสึชิ ทาเคทานิ(Mr. Atsushi Taketani) ประธานองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร กรุงเทพ) กล่าวว่า เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา เจโทรได้เชิญวิทยากรจากญี่ปุ่นมาร่วมบรรยายถึงวิธีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรท้องถิ่นของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งได้รับกระแสตอบรับอย่างดี ทางหอการค้าไทย ขอให้จัดสัมมนาร่วมกันในลักษณะใกล้เคียงกับปีที่แล้วอีกครั้งในปีนี้ ดังนั้นเจโทร จึงได้เชิญวิทยากรจากบริษัท JTB (Thailand) Limited มาบรรยายให้ในปีนี้ โดยบรรยายเรื่องการสร้างแบรนด์ และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรท้องถิ่นอย่างมีประสิทธิภาพ ผ่านกรณีศึกษาของเมืองชิเรโทโกะ (Shiretoko) ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งหนึ่งในจังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น โดยกรณีศึกษาของเมืองชิเรโทโกะ (Shiretoko) ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี 2548 และกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวชั้นนำของจังหวัดฮอกไกโด โดยในปี 2558 กลุ่ม บริษัท JTB ได้ร่วมมือและริเริ่มโครงการผสานแบรนด์อิมเมจท้องถิ่นของเมืองชิเรโทโกะ ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน และผลักดันการเผยแพร่ข้อมูลและประชาสัมพันธ์แบรนด์ชิเรโทโกะ สู่สาธารณชน  ความพยายามครั้งนั้นได้รับความสนใจและจับตามองจากทั้งในและนอกประเทศญี่ปุ่นในมุมมองของการพัฒนาการท่องเที่ยวท้องถิ่น

“ประเทศไทย ซึ่งมีอัตลักษณ์ต่างกันไปตามภูมิภาคนั้น จะสามารถเรียนรู้วิธีการค้นหาอัตลักษณ์ของท้องถิ่นและทำการขัดเกลาและพัฒนาจนกลายเป็นทรัพยากรท่องเที่ยวของท้องถิ่นนั้นๆ ได้เป็นอย่างดี  เจโทรกรุงเทพฯ จะร่วมมือกับ 4 องค์กร เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศไทยและประเทศญี่ปุ่นให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น ในหลายๆด้านอย่างกว้างขวาง” นายทาเคทานิ กล่าว

นายโนบูยูกิ อิชิ (Mr. Nobuyuki Ishii) กรรมการผู้จัดการ หอการค้าญี่ปุ่น -กรุงเทพฯ (Executive Management Director) กล่าวว่า ประเทศไทยมีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นที่น่าสนใจอยู่มากมายซึ่งต้องการให้มีความร่วมมือในการยกระดับผลิตภัณฑ์เหล่านั้นให้มีความน่าสนใจ  เนื่องจากสินค้าที่วางขายในพื้นที่ต่างจังหวัดมีศักยภาพ แต่ยังขาดการจัดการสินค้าหรือการจัดแสดงสินค้า ประเทศญี่ปุ่นมีสินค้าพื้นเมืองของจังหวัดฮอกไกโดที่ชื่อว่า “Jaga Pokkuru” ที่คนไทยจะซื้อเป็นของฝาก  ซึ่งสินค้าดังกล่าวจะใช้หีบห่อที่มีลักษณะเด่นของท้องถิ่น ทำให้ผู้พบเห็นทราบได้ในทันทีว่าได้ไปยังสถานที่นั้น ๆ มา สิ่งนี้เองที่สร้างมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ และทำให้ผู้บริโภคเกิดความพึงพอใจ ดังนั้น ด้วยความร่วมมือจากบริษัทญี่ปุ่นในประเทศไทยที่เกี่ยวข้องกับการบรรจุหีบห่อ หรือการจำหน่ายสินค้าที่ในแต่ละวันต้องศึกษาความพึงพอใจและความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งบริษัทเหล่านี้เปรียบเสมือนตัวแทนที่อยู่ระหว่างผู้บริโภคและผู้ผลิตหรือผู้จำหน่ายสินค้า ได้มาให้คำแนะนำวิธีการต่าง ๆ ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ การหีบห่อหรือการจัดแสดงสินค้าที่จะดึงความน่าสนใจของสินค้าต่าง ๆ เหล่านั้นออกมาสำหรับกิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ ได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญชั้นนำของประเทศ ซึ่งมีบริษัทต้นแบบจากประเทศญี่ปุ่น ได้แก่  1.บริษัท สยามทบพันแพคเกจจิ้ง จำกัด 2. บริษัท อิออน (ไทยแลนด์) จำกัด และ3.บริษัท สยาม ทาคาชิมาย่า (ประเทศไทย) จำกัด มาให้ความรู้เกี่ยวกับแนวทางการจัดแสดงสินค้าและการออกแบบบรรจุภัณฑ์ เพื่อสร้างความประทับใจและดึงดูดลูกค้า

นายวิทยากร มณีเนตร รองอธิบดี กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงฯ มุ่งเน้นการพัฒนาผู้ประกอบการในต่างจังหวัดในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยและสอดคล้องกับนโยบายของกระทรวงพาณิชย์ที่ต้องการผลักดันสินค้าและบริการของผู้ประกอบการท้องถิ่นไทย ให้สามารถขยายสู่ตลาดต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น นำมาสู่การสัมมนาในครั้งนี้ที่มุ่งเน้นตลาดญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตลาดส่งออกอันดับ 3 ของไทย โดยในปี 2562 การส่งออกสินค้าไทยไปญี่ปุ่น มีมูลค่ากว่า 760,000 ล้านบาท และการส่งออกในเดือนมกราคมถึงเดือนกันยายน ปี 2563 มีมูลค่า 517,000 ล้านบาท

กระทรวงพาณิชย์เร่งขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” เพื่อผลักดันการส่งออกสินค้าไทย ซึ่งให้ความสำคัญในการศึกษาตลาด พฤติกรรม และรสนิยมของผู้บริโภคในต่างประเทศ เพื่อนำมาปรับใช้และพัฒนาสินค้าไทยให้ตรงตามความต้องการของผู้ซื้อ รวมถึงสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงไป ผู้ประกอบการไทยจึงต้องปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์หรือความต้องการสินค้าที่เปลี่ยนแปลงไป รวมถึงกรมฯ ต้องปรับกลยุทธ์การทำงานใหม่เพื่อสู้กับวิกฤตโควิด-19 แบ่งเป็น 4 ส่วนหลัก คือ

  1.Offline จัดทำแคมเปญ “Trust Thailand” สร้างภาพลักษณ์สินค้าไทยและ ความเชื่อมั่นแก่ผู้ซื้อ รวมถึงการพัฒนาสินค้าและผู้ประกอบการไทย

  1. 2. Online การจัดกิจกรรม Online Business Matching และความร่วมมือกับ Platform Online ที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศ
  2. 3. Hybrid การจัดงานแสดงสินค้าในรูปแบบ Virtual Trade Fair และ Mirror Mirror Mission โดยให้สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศทำหน้าที่เป็นเซลล์แมนประเทศ
  3. 4. การเจาะตลาดเมืองรอง อาทิ จังหวัดวากายามะ ในการพัฒนาสินค้าเกษตรแปรรูป และจังหวัดยามานา ชิ ในการพัฒนาสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ

“หลายปีที่ผ่านมาจากความร่วมมือระหว่างกรมฯ เจโทร กรุงเทพฯ หอการค้าไทย และหอการค้าญี่ปุ่น-กรุงเทพฯ ในการจัดกิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการ “ด้านการพัฒนาการออกแบบบรรจุภัณฑ์ และส่งเสริมการท่องเที่ยว” ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ประกอบการเสมอมา จึงเกิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการในครั้งนี้ขึ้นมา และได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญซึ่งเป็นต้นแบบจากญี่ปุ่น เพื่อการพัฒนาสินค้าท้องถิ่นของไทย” นายวิทยากร กล่าว

อย่างไรก็ตาม การจัดสัมมนาในครั้งนี้เป็นกิจกรรมที่สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจ พลิกวิกฤตเป็นโอกาสในช่วงโควิค ที่มุ่งเน้นการพัฒนาและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการไทย เตรียมความพร้อมสู่ตลาดสากล จึงขอประชาสัมพันธ์เชิญชวนผู้ประกอบการที่สนใจเข้าร่วม งานสัมมนาที่จะมีขึ้นในวันที่ 17 พฤศจิกายน 2563 ณ ห้องสัมมนาชั้น 1 Coco View Hotel จังหวัดสมุทรสงคราม ลงทะเบียนสัมมนาได้ที่ https://www.jetro.go.jp/form5/pub/bgk/seminar2020 และลงทะเบียน Workshop ได้ที่  https://www.jetro.go.jp/form5/pub/bgk/workshop2020 ภายในวันที่ 8 พฤศจิกายน 2563

……………………………..