รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ จังหวัดภูเก็ต

กรมชลประทาน เร่งพัฒนาแหล่งน้ำ เพิ่มประสิทธิภาพการเก็บกักตามแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ จังหวัดภูเก็ต เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจและตัวเมืองภูเก็ตในอนาคต

วันที่ 2 พ.ย.63 พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐ โดยมีนายณรงค์ วุ่นซิ้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน  พร้อมด้วย นายสุรชาติ มาลาศรี ผู้อำนวยสำนักบริหารโครงการ นายพิเชฐ รัตนปราสาทกุล ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโยธา(ด้านออกแบบและคำนวณ)และผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับและบรรยายสรุปผลการดำเนินงาน ณ ห้องประชุมคอซิมบี้ ศาลากลางจังหวัดภูเก็ต

นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่าจังหวัดภูเก็ตมีอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง จำนวน 3 แห่ง ปริมาณน้ำเก็บกัก 22 ล้าน ลบ.ม. แหล่งน้ำขนาดเล็กจำนวน 102 แห่ง ความจุรวมประมาณ  6.35 ล้าน ลบ.ม. รวมทั้งน้ำจากขุมเหมือง 109 แห่ง ความจุรวมทั้งสิ้น 21 ล้านลบ.ม. ความต้องการใช้น้ำส่วนใหญ่เพื่อการอุปโภคบริโภคและการท่องเที่ยว  ซึ่งหากปีใดที่ปริมาณฝนต่ำกว่าปกติ จะส่งผลต่อปริมาณน้ำในการผลิตน้ำประปา   ประกอบกับปัจจุบันมีการขยายตัวของชุมชนเมืองอย่างรวดเร็ว จึงเกิดปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภค จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาแหล่งน้ำเพิ่ม เพื่อให้เกิดเสถียรภาพทางด้านน้ำ รองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจและชุมชนเมืองในอนาคตด้วย

กรมชลประทาน จึงได้ดำเนินการตามแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ จังหวัดภูเก็ต ระยะเร่งด่วน ด้วยการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพอ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ สามารถเพิ่มปริมาณน้ำเก็บกักได้ 1.50 ล้าน ลบ.ม. รวมปริมาณน้ำเก็บกักทั้งสิ้นประมาณ 8.70 ล้าน ลบ.ม. และโครงการระบบสูบผันน้ำโคกโตนด-อ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ สามารถเพิ่มปริมาณเก็บกักได้ 10 ล้าน ลบ.ม. เพื่อสนับสนุนการผลิน้ำประปา บรรเทาปัญหาการขาดแคลนน้ำอย่างยั่งยืน

ในการนี้ รองนายกรัฐมนตรี ได้มอบนโยบายและสั่งการให้กรมชลประทาน เร่งรัดดำเนินการสูบกลับน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ เพื่อนำกลับมาใช้ในการอุปโภคบริโภคของจังหวัดภูเก็ต ให้เป็นไปตามแผน ส่วนโครงการเพิ่มประสิทธิภาพอ่างเก็บน้ำบางเหนียวดำ เร่งรัดให้เริ่มดำเนินการภายในปี 2564

……………………………

ศูนย์ปฎิบัติการน้ำอัจฉริยะ(SWOC) กรมชลประทาน

กระทรวงเกษตรและสหกรณ์

2 พฤศจิกายน 2563