“วีรศักดิ์ผุดไอเดียดึงธุรกิจเข้าสู่ธรรมาภิบาล หนทางที่จะช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดอย่างยั่งยืน ”

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผุดไอเดียดึงธุรกิจเข้าสู่ธรรมาภิบาล เพื่อสร้างบรรยากาศที่ดีของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนจากต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนในไทย พร้อมส่งเสริมและผลักดันให้ภาคธุรกิจนำหลักธรรมาภิบาลไปใช้ในการบริหารจัดการองค์กรอย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้ธุรกิจอยู่ได้อย่างยั่งยืน

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ปัจจุบันหัวใจสำคัญในการดำเนินธุรกิจเปลี่ยนแปลงไป เป้าหมายไม่ได้วัดความสำเร็จที่ผลกำไรเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ให้ความสำคัญในการเติบโตอย่างยั่งยืนแม้ในภาวะวิกฤตแต่ธุรกิจยังอยู่รอดได้ โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากการที่ธุรกิจนั้นๆ ดำเนินงานด้วยหลักธรรมาภิบาล ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการสร้างบรรยากาศที่ดีในการดำเนินธุรกิจของไทย โดยมุ่งเน้นกำกับดูแลให้ภาคธุรกิจปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งส่งเสริมให้นำหลักธรรมาภิบาลไปใช้ในการบริหารกิจการเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้คู่ค้า (Business Governance) หรือนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศหันมาสนใจลงทุนในไทยมากขึ้น ช่วยกระตุ้นให้เศรษฐกิจเติบโตได้อย่างเป็นรูปธรรม

“ในการดึงภาคธุรกิจเข้าสู่ธรรมาภิบาล จำเป็นต้องดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรม จึงได้มอบหมายให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเปิดรับสมัครนิติบุคคลเพื่อเข้าร่วมกิจกรรม “สร้างธุรกิจให้มีธรรมาภิบาลในระบบเศรษฐกิจประจำปี 2564” โดยเริ่มเปิดรับสมัครตั้งแต่วันนี้ – 30 พฤศจิกายน 2563 โดยกรมฯ จะส่งผู้เชี่ยวชาญลงไปตรวจประเมินเข้มข้น ณ สถานประกอบการทุกแห่งที่สมัครเข้าร่วม ส่วนคุณสมบัติเบื้องต้นของธุรกิจที่จะเข้าร่วมกิจกรรมต้องจดทะเบียนในรูปแบบห้างหุ้นส่วนจำกัด ห้างหุ้นส่วนสามัญจดทะเบียน หรือ บริษัทจำกัดมาแล้วไม่น้อยกว่า 5 ปี และไม่เป็นนิติบุคคลล้มละลาย โดยจะมีคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิจากองค์กรภาครัฐและภาคเอกชนชั้นนำของประเทศ เช่น กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สำนักงาน ป.ป.ช. สำนักงาน ก.พ.ร. กรมสรรพากร สำนักงานประกันสังคม หอการค้าไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยฯ มาร่วมกันพิจารณา โดยใช้เกณฑ์การพิจารณาที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าจัดทำขึ้นและเป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานสากล 6 หลัก ได้แก่ หลักนิติธรรม หลักคุณธรรม หลักความโปร่งใส หลักการมีส่วนร่วม หลักความรับผิดชอบ และหลักความคุ้มค่า ซึ่งจะให้ธุรกิจทำแบบประเมินตนเองตามหลักธรรมาภิบาล และมีการสัมภาษณ์เชิงลึกผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งระดับผู้บริหาร พนักงาน หน่วยงานที่ร่วมดำเนินธุรกิจ การเข้าสังเกตการณ์การปฏิบัติงานและกิจกรรมต่างๆ ของธุรกิจ ณ สถานประกอบการ พร้อมทั้งให้คำแนะนำจุดอ่อน จุดแข็ง ด้านธรรมาภิบาลธุรกิจอีกด้วย”

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ธุรกิจที่ผ่านเกณฑ์การประเมินทุกรายจะได้รับหนังสือรับรองมาตรฐานธรรมาภิบาลธุรกิจ จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า และสามารถนำเครื่องหมายรับรองฯ ดังกล่าวไปแสดงร่วมกับเครื่องหมายการค้าของตนเอง ซึ่งจะทำให้ธุรกิจมีความน่าเชื่อถือ รวมทั้งได้รับความเชื่อมั่นจากสถาบันการเงินในการปล่อยสินเชื่อเมื่อนำพิจารณาร่วมกับกฎหมายหลักประกันทางธุรกิจ ถือเป็นโอกาสในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย และสะดวกยิ่งขึ้น จึงอยากเชิญชวนให้นิติบุคคลที่มีคุณสมบัติตรงตามหลักเกณฑ์ที่กรมฯ กำหนด สมัครเข้าร่วมกิจกรรมกันเยอะๆ เพื่อก้าวสู่การเป็นองค์กรที่โปร่งใสและได้รับความไว้วางใจในการร่วมทำธุรกิจ หากนิติบุคคลไทยมีธรรมาภิบาลในการประกอบธุรกิจจะทำให้เป็นเป้าหมายลำดับต้น ๆ ในการเลือกลงทุน ซึ่งจะทำให้ประสบความสำเร็จและมีความมั่นคงยั่งยืนในที่สุด สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองธรรมาภิบาลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทร.0 2547 4417 หรือ สายด่วน 1570”

****************************************
ที่มา : กองธรรมาภิบาลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ฉบับที่ 10 / วันที่ 29 ตุลาคม 2563