พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2563 ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 2563 โดยมี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ร่วมประชุมในครั้งนี้
พลเอก ประยุทธ์ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ ผมเห็นได้ถึงความก้าวหน้าในการขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาด้านดิจิทัลในหลายด้าน ด้านโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีดิจิทัล ซึ่งที่ผ่านมาได้วางโครงข่ายเน็ตประชารัฐครอบคลุมทั่วประเทศ ตลอดจนการออกกฎหมายบริหารกิจการอวกาศของประเทศ ซึ่งส่งผลให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจอวกาศของประเทศให้ทัดเทียม และสอดคล้องตามหลักเกณฑ์ระดับสากล ด้านการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล ไม่ใช่เพียงการส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหญ่ แต่ต้องครอบคลุมถึงระดับชุมชน ต้องส่งเสริมให้มีการนำดิจิทัลมาใช้ตั้งแต่กระบวนการทางการเกษตร จนถึงการจำหน่ายสินค้าและบริการจากชุมชนในรูปแบบออนไลน์ ด้านรัฐบาลดิจิทัล โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับปรุงการบริหารจัดการภาครัฐ เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนและผู้ประกอบการทุกภาคส่วน ทั้งนี้ ขอเน้นย้ำถึงการใช้ข้อมูล Big Data และการเชื่อมโยงข้อมูลภาครัฐให้เกิดความคล่องตัวในการทำงาน และให้บริการอย่างเต็มประสิทธิภาพ ด้านการสร้างความเชื่อมั่นในการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล โดยเฉพาะการปรับปรุงกฎหมายด้านดิจิทัล ให้สอดรับกับสถานกาณ์ปัจจุบัน เพื่อให้การดำเนินธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ ไม่มีข้อติดขัด และสนับสนุนให้การนำดิจิทัลมาประยุกต์ใช้มีความปลอดภัย และสิ่งสำคัญที่สุดของการพัฒนาด้านดิจิทัล คือการพัฒนากำลังคนให้มีความรู้ด้านดิจิทัล เพื่อรู้เท่าทันสื่อ และสามารถใช้ความรู้ด้านดิจิทัลให้เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ เพื่อเตรียมเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างมีประสิทธิภาพต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ เห็นได้จากการจัดอันดับความสามารถในการแข่งขันด้านดิจิทัล ของ IMD ที่ประเทศไทยถูกจัดอยู่ในอันดับที่ดีขึ้นจากปีที่ผ่านมา (ปี 2563 อันดับที่ 39 , ปี 2562 อันดับที่ 40) ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี ที่ทำให้เห็นว่าการพัฒนาด้านดิจิทัลของไทย มีทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลการดำเนินงานของกระทรวงดิจิทัลฯ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ติดตามและผลักดันการวางนโยบายและการดำเนินงานด้านโครงสร้างสร้างพื้นฐานทางดิจิทัล และการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศอย่างต่อเนื่อง
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยผลการประชุมว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติกิจการอวกาศ พ.ศ. … เพื่อให้การพัฒนากิจการอวกาศให้เกิดประโยชน์แก่เศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศอย่างยั่งยืน ให้มีกลไกเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนากิจการอวกาศ และก่อให้เกิดเศรษฐกิจอวกาศ รวมทั้ง การมีองค์กรกลางในการกำหนดนโยบายและแผนกิจการอวกาศของประเทศให้เกิดความเป็นเอกภาพ รวมทั้ง ได้เห็นชอบแนวปฏิบัติจริยธรรมปัญญาประดิษฐ์ (Thailand AI Ethics Guideline) โดยสร้างขึ้นเพื่อให้ผู้วิจัย ผู้ออกแบบ ผู้พัฒนา และผู้ให้บริการปัญญาประดิษฐ์ ใช้เป็นแนวทางสำหรับการดำเนินงานของตนเอง และให้ผู้รับบริการได้ทราบถึงสิทธิและตระหนักรู้ถึงความเสี่ยงของการใช้บริการปัญญาประดิษฐ์ หน่วยงานรัฐและหน่วยงานกำกับดูแลปัญญาประดิษฐ์ ทั้งระดับประเทศและระดับองค์กร เพื่อใช้เป็นแนวทางในการส่งเสริมสนับสนุน รวมถึงกำกับดูแลเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ เพื่อทำให้ปัญญาประดิษฐ์มีความน่าเชื่อถือ มั่นคงปลอดภัย ได้รับการพัฒนาและใช้งาน ก่อให้เกิดประโยชน์กับมนุษย์ สังคมและสิ่งแวดล้อม ด้วยความโปร่งใส ครอบคลุมและเป็นธรรม สอดคล้องกับกฎหมาย จริยธรรมและสิทธิมนุษยชน และเห็นชอบร่างงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2564 ของสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ
นายพุทธิพงษ์ กล่าวทิ้งท้ายว่า ที่ผ่านมากระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ให้การสนับสนุนการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลให้เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ผ่านกองทุนพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งได้มีการดำเนินการแล้วในหลายโครงการ เช่น โครงการทดสอบเทคโนโลยีดิจิทัล และ 5G สำหรับให้บริการรักษาโรคหลอดเลือดสมองเฉียบพลันโดยใช้รถโมบายสโตรคยูนิตร่วมกับระบบปรึกษาทางไกล โครงการ 2,500 กล้องจุลทรรศน์ จาก 2,500 โทรศัพท์มือถือเก่า เพื่อ 2,500 โรงเรียนชายขอบ โครงการการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อพัฒนาการเกษตรอัจฉริยะสำหรับพัฒนายาและวัคซีนเพื่อความมั่นคงทางสุขภาพของประเทศ เป็นต้น โดยประเด็นในการยื่นเรื่องเสนอเพื่อพิจารณาในวันนี้นั้น ล้วนเป็นประเด็นที่ช่วยส่งเสริมความมั่นคงและเป็นแนวทางในการจัดการเทคโนโลยี ทั้งทางด้านเทคโนโลยีอวกาศและปัญญาประดิษฐ์ให้แก่ประเทศ ซึ่งจะเป็นส่วนสนับสนุนสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ สังคม และความมั่นคงของประเทศต่อไป