กอปภ.ก. ประสาน 7 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลันจากอิทธิพลพายุโซนร้อน ในวันที่ 14 – 16 ต.ค.63

12 ต.ค. 63 เวลา 17.50 น. กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ประสาน 7 จังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ในช่วงวันที่ 14 – 16 ตุลาคม 2563 โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศและสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด พร้อมจัดชุดเคลื่อนที่เร็วเครื่องมืออุปกรณ์ประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนติดตามพยากรณ์อากาศ และปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด

นายบุญธรรม เลิศสุขีเกษม อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะผู้อำนวยการกลาง กล่าวว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาพอากาศ ปัจจัยเสี่ยงเชิงพื้นที่ และปริมาณฝนสะสมกับกรมอุตุนิยมวิทยา พบว่า พายุดีเปรสชั่นบริเวณทะเลจีนใต้กำลังเคลื่อนตัวทางทิศตะวันตก คาดว่าจะทวีความรุนแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน (ระดับ 3) และมีแนวโน้มเคลื่อนผ่านเกาะไหหลำ สาธารณรัฐประชาชนจีน เข้าสู่ตอนบนของสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสาน 7 จังหวัดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และน้ำท่วมขัง ในช่วงวันที่ 14 – 16 ตุลาคม 2563 ได้แก่ เลย หนองคาย บึงกาฬ หนองบัวลำภู อุดรธานี สกลนคร และนครพนม

รวมถึงสั่งการศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยในช่วงดังกล่าว โดยจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน พร้อมวิเคราะห์ปัจจัยเสี่ยงและแนวโน้มสถานการณ์ภัยต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มต่ำ พื้นที่ชุมชนเมือง พื้นที่ริมแม่น้ำลำคลอง และที่ลาดเชิงเขา ที่อาจได้รับผลกระทบ อีกทั้งจัดชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) รถปฏิบัติการและเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้พร้อมเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที ตลอดจนประสานหน่วยงานในพื้นที่ อำเภอ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสร้างการรับรู้และแจ้งเตือนประชาชนให้ทราบสถานการณ์ภัยและแนวทางการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยผ่านทุกช่องทาง ทั้งสื่อสังคมออนไลน์ วิทยุชุมชน หอเตือนภัย และหอกระจายข่าวประจำหมู่บ้าน

ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามพยากรณ์อากาศ และสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิด ปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด เพื่อพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้น สำหรับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง

……………………………………………