พด. ชูธง ! เกษตรทฤษฎีใหม่ พัฒนาคน-สร้างชุมชนยั่งยืน

นางสาวเบญจพร ชาครานนท์ อธิบดีกรมพัฒนาที่ดิน เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไม่เพียงทำลายสุขภาพของมนุษย์จนถึงขั้นเสียชีวิต แต่ยังทำลายเศรษฐกิจในประเทศส่งผลกระทบโดยตรงต่อภาคการเกษตร เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรโดยเร่งด่วนในการบรรเทาปัญหาการว่างงาน ลดปัญหาการเคลื่อนย้ายแรงงานภาคการเกษตรกรรมไปสู่ภาคอื่น ๆ และสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชน  ในท้องถิ่น ให้มีความมั่นคงในการเป็นแหล่งผลิตอาหาร มีทางเลือก มีอาชีพ มีความอุดมสมบูรณ์และอยู่ใกล้ชิดกับครอบครัวและเพื่อให้ความช่วยเหลือเกษตรกรฟื้นฟูภาคเกษตรผลิตสินค้าด้านพืช สัตว์ ประมง รองรับ  ความขาดแคลนอาหารในอนาคต กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้จัดทำโครงการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 เพื่อพัฒนาเกษตรกรรมยั่งยืนโดยน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นแนวทางในการใช้ชีวิต โดยนำรูปแบบเกษตรทฤษฎีใหม่ การบริหารจัดการที่ดิน ป่า น้ำ คน โดยนำร่องให้เป็นตัวอย่างความสำเร็จในระดับพื้นที่อย่างน้อยตำบลละ 1 แห่ง ให้เป็นตัวอย่างแห่งความสำเร็จในการเรียนรู้เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ตามภูมิสังคมของแต่ละพื้นที่ ให้เกษตรกรสามารถพึ่งพาตนเองได้ภายใต้สภาวะการเปลี่ยนแปลง รวมทั้งให้ตระหนักถึงความปลอดภัยต่อตนเองต่อสิ่งแวดล้อมและต่อผู้บริโภค เป็นหนทางรอดของเกษตรกรไทยและมุ่งสู่ระบบเกษตรกรรมยั่งยืน กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จึงได้ดำเนินโครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบได้แก่ สำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมพัฒนาที่ดิน กรมประมง สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร และกรมปศุสัตว์ ระยะเวลาดำเนินโครงการ 15 เดือน โดยพื้นที่ดำเนินการเพื่อพัฒนาเป็นพื้นที่เกษตรทฤษฎีใหม่ จำนวน 4,009ตำบล เกษตรกรเข้าร่วมโครงการตำบลละ 16 ราย รวม 64,144 ราย มีพื้นที่รายละ 3 ไร่ และจัดพื้นที่ทำเกษตรพร้อมพัฒนาแหล่งน้ำให้สามารถดำเนินกิจกรรมเพื่อการเกษตรได้อย่างเหมาะสม รวมเป็นพื้นที่ 192,432 ไร่ ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมการเรียนรู้และน้อมนำหลักทฤษฎีใหม่และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงด้วยการพัฒนาพื้นที่จุดเรียนรู้ในรูปแบบกลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ 1 ตำบล  1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ เพิ่มพื้นที่เก็บกักน้ำสำหรับทำการเกษตรตลอดจนพัฒนาระบบบริหารจัดการน้ำ ด้วยระบบและวิธีการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เพื่อฟื้นฟูภาคการเกษตรภายหลังการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมุ่งเน้นเกษตรกรที่มีความตั้งใจเอาใจใส่อย่างจริงจัง

การผลิตสินค้าในภาคการเกษตรไทยมีมูลค่าประมาณร้อยละ 8.1 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (ในปี พ.ศ. 2561) ในขณะที่ภาคการเกษตรขับเคลื่อนด้วยแรงงานคิดเป็นจำนวนร้อยละ 32 ของแรงงานทั้งหมดของประเทศ (รวมเกษตรอาชีพและเกษตรกรบางเวลา) ผลผลิตต่อไร่ ในการปลูกข้าวเปลือกของประเทศไทยต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโลก และยังมีต้นทุนการผลิตข้าวสูงกว่าประเทศเพื่อนบ้านเป็นผลมาจากการใช้สารเคมีที่มากเกินควร ซึ่งสถานการณ์ขณะนี้ภาคการเกษตรทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทาย หลายประเทศเผชิญวิกฤติความมั่นคงทางอาหารเป็นผลมาจากสภาวะอากาศเปลี่ยนแปลงและการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ไม่ได้ส่งผลกระทบกับชีวิตประจำวันเพียงเท่านั้น แต่ยังสร้างปัจจัยลบอีกหลายด้านที่เป็นอุปสรรคต่อการผลิต

อาหารให้เพียงพอต่อความต้องการ กรมพัฒนาที่ดินซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งที่รับผิดชอบในการดำเนินงานโครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ ได้มีการประชุมชี้แจงหัวหน้าส่วนราชการและเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค แบบทางไกลผ่านระบบภาพและเสียงไปทุกสถานีพัฒนาที่ดิน   ทั่วประเทศ เพื่อชี้แจงให้มีความรู้ความเข้าใจในนโยบายที่สำคัญของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รับทราบขอบเขตและแนวทางวิธีการดำเนินงานตามโครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ ที่ต้องบูรณาการปฏิบัติงานร่วมกันหลายหน่วยงาน ประกอบด้วย 13 ด้าน ได้แก่ 1. การแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโครงการ 2. คุณสมบัติของเกษตรกรที่จะเข้าร่วมโครงการ 3. การจัดทำคู่มือปฏิบัติงาน 4. การรับสมัครเกษตรกร 5. การตรวจสอบคุณสมบัติของเกษตรกร 6. การฝึกอบรมเกษตรกร 7. การปรับปรุงแปลงเกษตรทฤษฎีใหม่ 8. การส่งเสริมองค์ความรู้และสนับสนุนการปรับปรุงคุณภาพดิน ปลูกพืช เลี้ยงปลา เลี้ยงสัตว์ 9. การส่งเสริมการตลาด 10. การเพิ่มช่องในการสื่อสารของเกษตรกร 11. การให้ความรู้เกษตรกรอย่างต่อเนื่อง  12. การจ้างแรงงานเกษตรทฤษฎีใหม่ระดับตำบล 13. การติดตามประเมินผล

อธิบดีเบญจพร กล่าวอีกว่า จากสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้แรงงานคนหนุ่มสาวเป็นจำนวนมากต้องถูกเลิกจ้างงานทำให้ขาดรายได้ และแรงงานเหล่านี้เดินทางกลับภูมิลำเนาในต่างจังหวัด  มีปัญหาการว่างงาน การดำเนินโครงการ 1 ตำบล 1 กลุ่มเกษตรทฤษฎีใหม่ ที่จะดำเนินการในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ นอกจากจะช่วยฟื้นฟูเศรษฐกิจในระยะสั้นแล้วยังช่วยสร้างความแข็งแกร่งให้กับเศรษฐกิจไทยในระยะยาว เกษตรกรสามารถเลี้ยงตนเองและสร้างรายได้ให้ครอบครัวได้อย่างพอเพียงและยั่งยืน จึงได้เน้นย้ำกับข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทุกคน ให้ทำงานด้วยความเสียสละ มีจิตอาสา ให้ความสำคัญกับการพัฒนาตนเองและคนในชุมชนด้วยการศึกษาเรียนรู้แนวพระราชดำริการเกษตรทฤษฎีใหม่ และการจัดการข้อมูลความรู้อยู่เสมอทั้งองค์ความรู้ใหม่และภูมิปัญญาท้องถิ่น เมื่อตนเองเข้มแข็งจึงจะสามารถจัดการพัฒนาเกษตรกรให้เข้มแข็งขึ้นมาได้ ด้วยการเชื่อมร้อยเครือข่ายการทำงานจากภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาสังคม สู่การบูรณาการแก้ปัญหาอย่างรอบด้านและสร้างสรรค์ ใช้กระบวนการทำงานที่เน้นการปฏิบัติลงมือทำอย่างมีส่วนร่วม โดยใช้ความรู้และเทคโนโลยีการจัดการดินและน้ำของกรมพัฒนาที่ดิน คำนึงถึงผลประโยชน์ของเกษตรกรเป็นที่ตั้ง คือ เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการมีความมั่นคงในอาชีพเกษตรกรรม และมีคุณภาพชีวิตที่ดีมีความสุขในชุมชนด้วยหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และมีการพัฒนาหมู่บ้านเกษตรกรเข้มแข็งเป็นจุดเรียนรู้ต้นแบบเกษตรทฤษฎีใหม่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ

……………………………………………………..