วันที่ 18 สิงหาคม 2563 นายยุทธนา หยิมการุณ อธิบดีกรมธนารักษ์ และนายกุลพัชร ภูมิใจอวด รองผู้อำนวยการปฏิบัติหน้าที่แทนผู้อำนวยการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ โดยมีผู้บริหารจากกรมธนารักษ์ และบจธ. ร่วมเป็นสักขีพยาน เพื่อการบูรณาการข้อมูลด้านที่ดินระหว่างสองหน่วยงาน อันจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาสิทธิที่ดินทำกินของเกษตรกร ผู้ยากจนและผู้ที่ต้องการใช้ประโยชน์ที่ดิน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรมให้แก่ผู้ที่ประสบปัญหาไม่มีที่ดินทำกินหรือมีที่ดิน แต่ไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ รวมทั้งช่วยป้องก้นการสูญเสียสิทธิจากการจำนอง ขายฝากหรือถูกบังคับคดี และประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคิด -19 จนถึงผลกระทบจากภัยพิบัติต่างๆ ให้มีที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัย และมีอาชีพเลี้ยงครอบครัวได้อย่างมั่นคง
นายกุลพัชร ชี้แจงภารกิจของบจธ. ว่าที่ผ่านมาได้ดำเนินการโครงการต้นแบบการบริหารจัดการที่ดินแบบครบวงจร โครงการนำร่องธนาคารที่ดิน โครงการป้องกันการสูญเสียสิทธิ และโครงการที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายรัฐ ในทุกภาคของประเทศรวมไม่น้อยกว่า 15 โครงการให้ประชาชนได้มีที่ดินทำกิน และอยู่ระหว่างการโอนกรรมสิทธิ์อีกหลายพื้นที่
“บจธ. มีกฎเกณฑ์ว่าผู้ขอรับความช่วยเหลือต้องรวมกลุ่มกันจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชน หรือสหกรณ์หรือรวมกลุ่มรูปแบบต่างๆ ช่วยกันเลือกพื้นที่ที่เหมาะสม เพื่อให้บจธ.ไปสำรวจความพร้อม ประเมินราคา และสมาชิกต้องมีส่วนในทุกขั้นตอน จากนั้นจึงจัดซื้อเป็นกรรมสิทธิ์แปลงรวม แล้วมีการแบ่งแปลงให้สมาชิกเช่าและเช่าซื้อตามที่ตกลงกันเป็นระยะเวลา 30 ปี เพื่อป้องกันที่ดินหลุดมืออีก และบจธ.จะอบรมให้ความรู้วิชาการ ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎีใหม่ ซึ่งอาจารย์ยักษ์ วิวัฒน์ ศัลยกำธร เป็นผู้ให้คำแนะนำ รวมทั้งมีมหาวิทยาลัยแม่โจ้เป็นพี่เลี้่ยง “
อธิบดีกรมธนารักษ์กล่าวว่าการทำความข้อตกลงกับ บจธ. เป็นเรื่องที่ดีมาก เพราะบจธ. มีฐานข้อมูลเกษตรกร คนยากจนที่ไม่มีที่ดินทำกิน และมีข้อมูลผู้ที่ยื่นขอความช่วยเหลือ รวมทั้ง บจธ. ยังมีประสบการณ์การบริหารจัดการที่ดินในหลายพื้นที่มาแล้ว
“กรมธนารักษ์มีพื้นที่ที่ประชาชนอาศัยอยู่มานาน และจะเร่งรัดทำให้สัญญาเช่าให้ครบภายในปี 2565 ส่วนที่ไหนที่ยังไม่ได้ใช้ก็จะนำมาให้ประชาชนใช้ประโยชน์ “
อธิบดีกรมธนารักษ์ ยังยืนยันกับ นายกุลพัชร ว่า บจธ. สามารถใช้ประโยชน์ที่ดินที่กรมธนารักษ์ดูแลโดยการเช่าและนำไปให้เกษตรกร ผู้ยากจนที่ขอความช่วยเหลือได้เช่าทำกินได้ พร้อมทั้งจะตั้งคณะทำงานเพื่อร่วมกันบริหารจัดการต่อไป
………………………………………………..