นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ร่วมการประชุมรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน-จีน สมัยพิเศษ ว่าด้วยโควิด-19 (ASEAN and China Transport Ministers’ Special Meeting on COVID-19) ด้วยระบบการประชุมทางไกล (VDO Conference) โดยมี นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม นายชยธรรม์ พรหมศร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ผู้แทนจากกรมเจ้าท่า กรมทางหลวง กรมการขนส่งทางราง การรถไฟแห่งประเทศไทย การท่าเรือแห่งประเทศไทย สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย กองการการต่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงคมนาคม และมีรัฐมนตรีขนส่งอาเซียน 10 ประเทศ จีน และสำนักเลขาธิการอาเซียน เข้าร่วมการประชุม ณ ห้องราชดำเนิน กระทรวงคมนาคม
การประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมเชิงสัญลักษณ์ของความร่วมมือด้านการขนส่งระหว่างรัฐมนตรีขนส่งอาเซียนและจีนในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกันระบุความท้าทายที่มีต่อการขนส่งและโลจิสติกส์ระหว่างประเทศในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 แลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในด้านการขนส่ง และออกแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยการเสริมสร้างการขนส่งและโลจิสติกส์ที่ราบรื่นเพื่อต่อสู้กับโควิด-19
ในการนี้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ได้กล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุมว่า ประเทศไทยได้ดำเนินการเพื่อควบคุมและบรรเทาผลกระทบทางเศรษฐกิจภายในประเทศจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในภูมิภาค และส่งเสริมความเชื่อมโยงด้านห่วงโซ่อุปทานให้เข้มแข็งมากขึ้นและลดความเปราะบาง โดยเปิดให้โลจิสติกส์ภายในประเทศ ระหว่างประเทศ และห่วงโซ่อุปทานสามารถดำเนินการได้ โดยเฉพาะในการค้าและการขนส่งยารักษาโรค อุปกรณ์ทางการแพทย์ และสินค้าที่จำเป็นอื่น ๆ ผ่านทางการขนส่งทางอากาศ ทางบก และทางทะเล ภายใต้มาตรการที่ได้กำหนดไว้
ปัจจุบันสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ดีขึ้นเป็นลำดับ โดยรัฐบาลสามารถควบคุมสถานการณ์และดำเนินการผ่อนการคลายมาตรการที่เกี่ยวเนื่องกับเศรษฐกิจและการดำเนินชีวิตประจำวัน แต่ยังคงดำเนินมาตรการการรักษาความสะอาดและการรักษาระยะห่างทางสังคมเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดในรอบ 2 ส่งผลให้ประชาชนเริ่มปรับตัวกับการดำเนินชีวิตแบบวิถีใหม่ โดยเฉพาะการเดินทางแบบวิถีใหม่
นอกจากนี้ ประเทศไทยได้ขอให้ประเทศสมาชิกอาเซียนและจีนเชื่อมั่นในการคงไว้ซึ่งมาตรการเปิดการขนส่งเพื่ออำนวยความสะดวกในการเคลื่อนย้ายและผ่านแดนของสินค้าที่จำเป็น การบริการ และประชาชน บนพื้นฐานมาตรการด้านสาธารณสุข และสนับสนุนการแบ่งปันข้อมูล แนวปฏิบัติที่เป็นเลิศ และเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอและรวดเร็ว เพื่อสู้กับโควิด-19 เพื่อให้เกิดการเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการที่จำเป็นและสำคัญ
พร้อมทั้งยืนยันความมุ่งมั่นของประเทศไทยที่จะกระชับความร่วมมือและความเป็นหนึ่งเดียวของอาเซียนและความร่วมมือกับจีนในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 และภายหลังการแพร่ระบาด เพื่ออาเซียนและจีนจะสามารถรับมือกับภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขที่ไม่สามารถาดการณ์ได้ รวมทั้งความท้าทายภายในและภายนอกในอนาคตอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นประชาคมที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง โดยมุ่งหน้าไปด้วยกันโดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และเป็นประชาคมแห่งอนาคตที่เป็นแรงผลักดันสำคัญของเศรษฐกิจและสังคมโลกต่อไป
………………………………………