สมุนไพรน่ารู้ อภัยภูเบศร : แตงกวา ช่วยให้ผิวใส กินไว้ต้านเครียด

แตงกวาเป็นพืชตระกูลแตงเช่นเดียวกับแตงโม ฟักทอง บวบ มะระ และน้ำเต้า มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศอินเดีย มีหลักฐานว่า มีการเพาะปลูกแตงกวาในอินเดียและอียิปต์เมื่อ 4,000 ปี มาแล้ว และเป็นอาหารของคนในดินแดนแถบประเทศตุรกีและบัลแกเรียมาตั้งแต่สมัยโบราณ ปัจจุบันแตงกวาเป็นผักที่คนทั่วโลกนิยมรับประทาน ปลูกเพียง 30-45 วัน ก็ออกผลมาให้รับประทานได้แล้ว สามารถนำไปปรุงอาหารได้มากมาย และยังเป็นอาหารที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เพราะให้พลังงานต่ำมาก(แตงกวา 1 ผล ให้พลังงานเพียง 13 – 30 กิโลแคลอรี) มีปริมาณเส้นใยอาหารและน้ำในผลสูงช่วยให้อิ่มท้อง

ทางยาไทย ใช้เป็นยาเย็น มีฤทธิ์แก้ไข้ แก้ร้อนใน ขับปัสสาวะ ลดความร้อนในร่างกาย ขับของเสีย การศึกษาวิจัยสมัยใหม่พบว่า แตงกวาช่วยลดน้ำตาล ต้านมะเร็ง มีฤทธิ์ลดอักเสบ มีสารเควอซิทิน(quercetin) ซึ่งเป็นสารต้านการแพ้จากธรรมชาติ(natural antihistamines)  และสามารถบรรเทาความเครียดได้ เนื่องจากอุดมไปด้วยวิตามินบีหลายชนิด ได้แก่ วิตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 และวิตามินบี 7 (ไบโอติน)

แตงกวา ถือว่าเป็น เทพแห่งการดูแลผิว ปลอบประโลมผิว และเครื่องสำอางหลายยี่ห้อ ทั้งไทย เทศ นิยมใส่เป็นสารสกัดหนึ่งในสูตรตำรับ แตงกวา สามารถช่วยลดอาการผิวไหม้แดด ลดการบวมแดง มีฤทธิ์ลดการสร้างเมลานิน(melanin) หรือเม็ดสี ทำให้ผิวขาวใส มีฤทธิ์ฆ่าเชื้ออ่อนๆ ลดการเกิดสิว และลบรอยแผลเป็น  มี สารเอนไซม์อีเรปซิน (erepsin) ช่วยย่อยโปรตีน(ผิวหนัง) สารซิสตีน(cysteine) และเมไธโอนีน(Methionine) ทำให้ผิวหนังมีความยืดหยุ่น สารซิลิกา(silica) และสารต้านอนุมูลอิสระ(antioxidant) ช่วยลดริ้วรอย

ข้อควรระวังการใช้แตงกวา

  1. แตงกวามีกรดยูริกสูง ผู้ที่เป็นโรคเก๊าท์ไม่ควรรับประทานในปริมาณมาก เนื่องจากจะทำให้อาการกำเริบได้
  2. หากรับประทานมากเกินไป อาจทำให้ปวดท้องหรือท้องเสีย
  3. ไม่แนะนำให้รับประทานแตงกวามากเกินไป ในรายที่ต้องจำกัดปริมาณโพแทสเซียม เช่น ผู้ป่วยไตวาย(แตงกวาสด 100 กรัม จะให้โพแทสเซียม 147 มิลลิกรัม)
  4. ควรเลือกใช้แตงกวาที่ปลูกโดยไม่ใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลง

สูตรน้ำแตงกวา

ส่วนประกอบ

แตงกวา             1-2 ผล

น้ำต้มสุก           2 ถ้วย

น้ำเชื่อม             ½ ถ้วย

เกลือป่น            ¼ ช้อนชา

น้ำแข็งบด

วิธีทำ

  1. นำแตงกวามาล้างให้สะอาด หั่นชิ้นพอประมาณ
  2. ใส่ในเครื่องปั่น เติมน้ำต้มสุก เติมน้ำเชื่อม และใส่เกลือเล็กน้อย
  3. ใส่น้ำแข็ง ปั่นให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ ดื่มเป็นเครื่องดื่มเสริมสุขภาพได้

โดยสถาบันการแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร