“บิ๊กอู๋” ลงพื้นที่ จ.ระนอง เตรียมเปิดศูนย์แรกรับฯ รองรับนำเข้าแรงงานเมียนมา ตามระบบ MOU

พลตำรวจเอก อดุลย์ฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดระนอง ตรวจเยี่ยมศูนย์ OSS การต่อใบอนุญาตทำงานแรงงานประมง ศูนย์ปฏิบัติงาน PIPO และติดตามความพร้อมเปิดศูนย์แรกรับฯ รองรับการนำเข้าแรงงานเมียนมา ตามระบบ MOU เตือนให้นายจ้างรีบพาแรงงานต่างด้าวมาดำเนินการตามวัน เวลาที่กำหนด เพื่อแรงงานจะได้อยู่และทำงานในประเทศไทยต่อไปได้ และได้รับสิทธิประโยชน์และการคุ้มครองตามกฎหมายต่อไป

วันที่ 20 สิงหาคม 2561 พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ลงพื้นที่จังหวัดระนอง ตรวจเยี่ยมศูนย์ OSS การต่อใบอนุญาตทำงานแรงงานประมง เพื่อรับฟังสรุปผลการดำเนินการของศูนย์ OSS โดยกล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนแรงงานประมงทะเล โดยเปิดต่ออายุแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานตามมาตรา 83 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ที่ผ่านการพิสูจน์สัญชาติแล้วออกไปอีกเป็นเวลา 2 ปี ถึงวันที่ 30 กันยายน 2563 ซึ่งจะอนุญาตให้คราวละ 1 ปี ตามที่แรงงานต่างด้าวได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร เริ่มตั้งแต่วันที่ 20 สิงหาคม – 30 กันยายน 2561 ณ ศูนย์บริการเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) สำนักงานจัดหางานจังหวัด 22 จังหวัดติดชายทะเล หรือสถานที่ที่เหมาะสมในแต่ละจังหวัด โดยภายในศูนย์ OSS ประกอบด้วย ตรวจคนเข้าเมืองทำหน้าที่ตรวจลงตรา (VISA) กรมการจัดหางานออกใบอนุญาตทำงาน (Work Permit) และกรมประมงออกหนังสือคนประจำเรือสำหรับคนต่างด้าว (Seabook) โดยศูนย์ OSS จังหวัดระนอง ตั้งอยู่บริเวณสมาคมประมงระนอง หมู่ที่ 1 ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดระนอง มีแรงงานต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักร และได้รับอนุญาตทำงานตามมาตรา 83 แห่งพระราชกำหนดการประมง พ.ศ. 2558 ที่พิสูจน์สัญชาติแล้ว ที่ต้องมาต่ออายุใบอนุญาตทำงานที่ศูนย์ OSS ในครั้งนี้ จำนวน 124 คน ทั้งนี้ จังหวัดระนองยังขาดแคลนแรงงานประมงทะเลอีก จำนวน 1,163 คน นายจ้าง 60 ราย พร้อมทั้งตรวจเยี่ยมการปฏิบัติงานศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า-ออกเรือประมงจังหวัดระนอง (PIPO) โดยจังหวัดระนองมีแรงงานต่างด้าวจำนวนทั้งสิ้น 42,372 คน เป็นแรงงานฝีมือ 122 คน แรงงานไร้ฝีมือ 42,250 คน เป็นกลุ่มนำเข้า MOU 34 คน พิสูจน์สัญชาติ 19,294 คน บัตรสีชมพู 16,646 คน ชนกลุ่มน้อย 621 คน ไป-กลับหรือตามฤดูกาล 5,655 คน โดยเป็นแรงงานในกิจการประมงทะเล จำนวน 4,630 คน เป็นแรงงานไทย จำนวน 975 คน และแรงงานต่างด้าว จำนวน 3,655 คน (ลาว 7 คน กัมพูชา 4 คน เมียนมา 3,599 คน และชนกลุ่มน้อย 45 คน) นายจ้างในกิจการประมงทะเล จำนวน 236 คน มีแรงงานที่ผ่านการสแกนม่านตาแล้ว 3,655 คน

นอกจากนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ยังได้เดินทางตรวจความพร้อมการเตรียมการเปิดศูนย์แรกรับเข้าทำงานและสิ้นสุดการจ้าง รองรับการนำเข้าแรงงานเมียนมา ตามระบบ MOU โดยศูนย์ฯ จะเป็นสถานที่อบรมให้ความรู้ด้านต่างๆ แก่แรงงานต่างด้าว เช่น การทำงาน กฎหมายต่างๆ การใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทย เป็นต้น ตรวจสอบและคัดกรองแรงงานต่างด้าวว่ามีนายจ้างจริงตรงตามสัญญาจ้าง และมีความพร้อมที่จะทำงานก่อนอนุญาตให้เข้าทำงานในประเทศไทย รวมทั้งประสานงานให้ความช่วยเหลือ และอำนวยความสะดวกแก่นายจ้างและแรงงานต่างด้าวเกี่ยวกับการดำเนินการให้เป็นไปตามสัญญาจ้าง ซึ่งศูนย์แรกรับฯ จังหวัดระนอง ตั้งอยู่เลขที่ 89/227 หมู่ที่ 1 ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดระนอง สามารถรองรับการให้บริการแรงงานต่างด้าวในการอบรม และออกใบอนุญาตทำงานแบบอิเล็กทรอนิกส์ (E-Workpermit) ประมาณ 1,200 คนต่อวัน อีกทั้ง พลตำรวจเอก อดุลย์ฯ ได้ย้ำเตือนให้นายจ้างรีบพาแรงงานต่างด้าวมาดำเนินการตามวัน เวลาที่กำหนด เพื่อแรงงานจะได้อยู่และทำงานในประเทศไทยต่อไปได้ และได้รับสิทธิประโยชน์และการคุ้มครองตามกฎหมายต่อไป