ก.แรงงาน จัดแคมเปญ ‘ตำ ยำ เด็ด เผ็ดไม่ว่า’

กพร. จัดแคมเปญ ‘ตำ ยำ เด็ด เผ็ดไม่ว่า’ ประชันฝีมือครัวไทย สู่ครัวโลก

นางถวิล เพิ่มเพียรสิน รองอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) กระทรวงแรงงาน  เปิดเผยว่า พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน มีนโยบายขับเคลื่อนครัวไทยให้เป็นที่รู้จักแก่สากล ซึ่งอาหารไทยมีความโดดเด่นและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งรสชาติ ความพิถีพิถัน ความประณีตของขั้นตอนการประกอบอาหารและการจัดรูปแบบ จึงทำให้อาหารไทยเป็นที่นิยมของชาวต่างชาติ และเพื่อเป็นการสนับสนุนให้อาหารไทยเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น รวมถึงรูปแบบการจัดอาหารให้สะดุดตา กพร.จึงจัดกิจกรรมการแข่งขันการประกอบอาหาร  ภายใต้ชื่อ “ตำ ยำ เด็ด เผ็ดไม่ว่า” เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปที่สนใจและมีฝีมือในการประกอบอาหารร่วมแข่งขัน ให้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ในการประอบอาชีพหรือธุรกิจด้านอาหารต่อไปได้

นางถวิล กล่าวต่อไปว่า กิจกรรมมี 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงสาธิตวิธีการประกอบอาหาร การตกแต่ง และการนำเสนออาหาร โดยคุณจิณณวัสส จันทรประทีป เชฟชื่อดังของเมืองไทย และการจัดแต่ง และเทคนิคการถ่ายรูปโดยคุณดวงฤทธิ์ แคล้วปลอดทุกข์นักโภชนาการด้านอาหาร ระดับแนวหน้าของเมืองไทย และช่วงทดสอบฝีมือการประกอบอาหาร จะต้องประกอบอาหารไทย ประเภทตำ หรือยำ อย่างใดอย่างหนึ่ง จำนวน 1 เมนู ใช้เวลาในการทำอาหาร 30 นาที  ซึ่งผู้เข้าแข่งขันในครั้งนี้มีจำนวน 22 คน เป็นบุคคลทั่วไปที่สนใจและต้องการพัฒนาทักษะการประกอบอาหาร  โดยการแข่งขันในครั้งนี้แบ่งเป็น 5 รางวัล ๆ ละ 3,000 บาท  ได้แก่ รางวัลรสชาติดี หน้าตาดี เรื่องราวดี ความคิดสร้างสรรค์ดี และโดนใจ กพร.

“อาหารไทย มีเอกลักษณ์ในรสชาติ ที่มีความกลมกล่อมทั้งเปรี้ยว หวาน เผ็ด ดีต่อสุขภาพเพราะมีส่วนประกอบจำพวกผักเกือบทุกเมนู นอกจากนี้ยังมีอาหารที่ได้รับความนิยมของชาวต่างชาติ อาทิ เมนูมัสมั่น ต้มยำกุ้ง แกงเขียวหวาน ผัดกะเพรา เป็นต้น การจัดงานในครั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้คนไทยให้ความสนใจกับการพัฒนาและยกระดับฝีมือด้านการทำอาหาร สามารถประยุกต์ให้เหมาะสมกับสมัยนิยม แต่ยังคงรักษาเอกลักษณ์ความเป็นไทย ที่สำคัญคือรสชาดที่ได้มาตรฐาน ซึ่งกพร. มีหลักสูตรด้านอาหารไทย พร้อมมอบให้หน่วยงานในสังกัดที่ตั้งอยู่ ณ ภูมิภาคดำเนินการฝึกอบรมตามความต้องการของกำลังแรงงานในพื้นที่ และทดสอบมาตรฐานฝีมือเพื่อเป็นการการันตีความสามารถ รวมถึงการปรุงอาหารตามสูตร จะช่วยให้อาหารไทยไม่ผิดเพื้ยนไปจากเดิมอีกด้วย” รองอธิบดี กพร. กล่าว