กฟผ. ร่วมกับจังหวัดน่าน เปิดโครงการ “กล้าดี” ปีที่ 3 สร้างเครือข่ายเยาวชนอนุรักษ์ฟื้นฟูป่าต้นน้ำอย่างยั่งยืน

กฟผ. ร่วมกับ เครือข่ายจังหวัดน่าน ทั้งภาครัฐและเอกชน จัดโครงการ “กล้าดี” ปีที่ 3 ปลูกจิตสำนึกให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ได้มีส่วนร่วม “คิด ทำ พูด” ในการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำ เพื่อน้อมสืบสานพระราชปณิธานในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้านการดูแลรักษาป่าและน้ำ

วันที่ 17 สิงหาคม 2561 นายสืบพงษ์ บูรณศิรินทร์ รองผู้ว่าการกิจการสังคม การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมกับ นายนิทรรศ เวชวินิจ ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จังหวัดน่าน เปิดโครงการ “กล้าดี” ปีที่ 3 เพื่อปลูกจิตสำนึกด้านการอนุรักษ์และพัฒนาทรัพยากรป่าไม้ให้กับเยาวชนในสถานศึกษา โดยมีส่วนราชการจังหวัดน่าน มูลนิธิฮักเมืองน่าน สื่อมวลชน การไฟฟ้านครหลวง และบริษัทในกลุ่ม กฟผ. ได้แก่ บริษัท ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ผลิตไฟฟ้าและน้ำเย็น จำกัด ตลอดจนครูและนักเรียนจากสถานศึกษาในจังหวัดน่าน เข้าร่วมงานกว่า 400 คน ณ โรงแรม ดิอิมเพรส อำเภอเมือง จังหวัดน่าน

นายสืบพงษ์ บูรณศิรินทร์ รองผู้ว่าการกิจการสังคม กฟผ. กล่าวว่า โครงการกล้าดี จัดขึ้นเพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าต้นน้ำ โดยเป็นผู้คิดริเริ่มและนำเสนอโครงการเพื่อสร้างพื้นที่ป่าสีเขียวให้กลับคืนสู่เมืองน่าน ภายในโรงเรียนหรือในชุมชนอย่างเป็นรูปธรรม มุ่งเน้นการให้ผู้ปกครอง ครูและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการ ซึ่งมีแผนงานที่ชัดเจนในการ “ปลูกต้นไม้ในใจเด็ก” โดยการปลูกฝังจิตสำนึกรักและหวงแหนต้นไม้ ป่าไม้ ให้เกิดขึ้นภายในโรงเรียนและชุมชนท้องถิ่น ตลอดจนขยายเครือข่ายสู่ชุมชนต่างๆ ได้ในระยะยาว โรงเรียนที่ผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการจะได้รับเงินทุนสนับสนุนการดำเนินโครงการเพื่อพัฒนาเป็นต้นแบบต่อไป

สำหรับกิจกรรมในโครงการ “กล้าดี” ปีที่ 3 จะมีการคัดเลือก จำนวน 2 รอบ โดยคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกโครงการจากเอกสารในรอบแรกให้เหลือ 20 ทีม และให้ทุนจัดแสดงนิทรรศการพร้อมนำเสนอโครงการรอบที่สอง ในวันที่ 17 สิงหาคม 2561 ซึ่งรอบนี้คณะกรรมการจะคัดเลือกให้เข้ารอบ 5 ทีม มีทุนสำหรับดำเนินโครงการจริงทีมละ 20,000 บาทพร้อมทั้งมีโอกาสไปศึกษาดูงานเกี่ยวกับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและชีววิถีเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน ณ โรงไฟฟ้าแม่เมาะ จังหวัดลำปาง และได้เชิญหน่วยงานต่างๆ ร่วมสนับสนุนการดำเนินโครงการของอีก 15 โรงเรียน เพื่อพัฒนาต่อยอดให้เป็นประโยชน์ต่อการฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ต่อไป จากนั้นเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2561 คณะกรรมการจะติดตามและประเมินผลการดำเนินโครงการที่ได้รับทุน เพื่อคัดเลือกโครงการดีเด่น โดยทีมที่ชนะเลิศจะได้รับทุนการศึกษา 20,000 บาท รองชนะเลิศมี 2 รางวัลๆ ละ 10,000 บาท และรางวัลชมเชยอีก 2 รางวัลๆ ละ 5,000 บาท พร้อมรับโล่รางวัลและเกียรติบัตร

“โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการกล้าดีที่ผ่านมา มีการขยายผลการดำเนินงานเพื่อพัฒนาจังหวัดน่าน เช่น โรงเรียนไตรเขตประชาสามัคคีรัชมังคลาภิเษก ชนะเลิศปี 2559 ในโครงการ ‘โกโก้สร้างป่า ป่าสร้างรายได้’ พัฒนาพื้นที่ว่างเปล่าและถูกบุกรุกของโรงเรียนให้เกิดประโยชน์ โดยปลูกต้นโกโก้ เพื่อลดการปลูกพืชเชิงเดี่ยว สามารถเพิ่มพื้นที่สีเขียวได้กว่า 5,400 ต้น และยังสร้างรายได้ต่อไปในอนาคต และโรงเรียนแม่จริม ชนะเลิศปี 2560 จัดโครงการ ‘กล้าดีวิถีพอพียง เพื่อป่ารักษ์น้ำที่ยั่งยืน’  สร้างฝายชะลอน้ำหลังโรงเรียน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและลดปัญหาความแห้งแล้ง ปัจจุบันสร้างฝายไปแล้วกว่า 26 ฝาย ช่วยให้ลำน้ำมีปริมาณเพิ่มขึ้น ปัญหาการขาดแคลนน้ำอุปโภคบริโภคภายในโรงเรียนลดลง และมีพื้นที่สีเขียวในอำเภอแม่จริมเพิ่มขึ้น  ทั้งนี้ กฟผ. ได้น้อมสืบสานพระราชปณิธานในหลวงรัชกาลที่ 9 ด้านการดูแลรักษาป่าและน้ำมาอย่างต่อเนื่อง โดยดำเนินโครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติฯ มาตั้งแต่ปี 2537 เป็นเวลากว่า 24 ปี ด้วยแนวทางการปลูกป่าอย่างยั่งยืน 3 แนวทาง ได้แก่ ปลูกที่ท้อง คือการสร้างอาชีพและรายได้ ปลูกที่ใจ และปลูกในป่า ส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ รวมทั้งแหล่งต้นน้ำลำธาร  ตราบจนวันนี้ กฟผ. สามารถปลูกป่าต้นน้ำเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้จังหวัดน่านไปแล้วกว่า 1 แสนไร่” รองผู้ว่าการกิจการสังคม กฟผ. กล่าวในตอนท้าย

……………………………………………..