พาณิชย์’ จัดงานแฟรนไชส์สร้างอาชีพ ครั้งที่ 7 วันที่ 9-12 สิงหาคม นี้ ณ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

                พาณิชย์’ นำแฟรนไชส์ 50 แบรนด์ สร้างงาน สร้างอาชีพ กระจายรายได้ ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม นี้ ให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้ว่างงาน และผู้สนใจ เลือกซื้อแฟรนไชส์ที่เหมาะกับตนเองเพื่อนำไปสร้างอาชีพ ที่ผ่านมา 6 จังหวัด ธุรกิจประเภทอาหารและเครื่องดื่มได้รับความนิยมนำโด่ง เนื่องจากจำหน่ายง่าย และลงได้ทุกพื้นที่ คาดจบโครงการฯ 20 จังหวัด สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 100 ล้านบาท กระจายรายได้ให้ส่วนภูมิภาคอย่างทั่วถึง

                นางกุลณี อิศดิศัย อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า “จากนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์) ที่ต้องการสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้แก่ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้มีรายได้น้อย และผู้ว่างงาน ภายใต้โครงการ “แฟรนไชส์สร้างอาชีพ” เพื่อสร้างอาชีพสร้างรายได้อย่างยั่งยืนและลดการพึ่งพาสวัสดิการของรัฐในอนาคต โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้นำแฟรนไชส์ที่มีเงินลงทุนไม่สูงลงพื้นที่ในส่วนภูมิภาค เป็นจังหวัดที่มีผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นจำนวนมาก และเป็นจังหวัดท่องเที่ยวเมืองรองจำนวน 20 จังหวัด ให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและผู้ที่สนใจเลือกนำไปประกอบเป็นอาชีพ”

“ตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา กรมฯ ได้นำธุรกิจแฟรนไชส์ จำนวน 100 แบรนด์ ลงพื้นที่มาแล้ว 6 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมา ลำปาง อุดรธานี เชียงราย นครศรีธรรมราช และกำแพงเพชร โดยแฟรนไชส์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ ประเภทอาหารและเครื่องดื่ม (ร้อยละ 90) เนื่องจากเป็นธุรกิจที่สามารถบริหารจัดการและจำหน่ายได้ง่าย รองลงมา คือ ธุรกิจเกี่ยวกับความงาม และบริการ ซึ่งจากการนำธุรกิจแฟรนไชส์ลงพื้นที่ทั้ง 6 จังหวัด สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้กว่า 20 ล้านบาท คาดว่าเมื่อจบทั้งโครงการ (20 จังหวัด) จะสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจได้ไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท และระหว่างวันที่ 9 – 12 สิงหาคม 2561 นี้ กรมฯ จะนำธุรกิจแฟรนไชส์ลงพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งเป็นจังหวัดที่ 7 เพื่อให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้มีรายได้น้อย และผู้ว่างงานได้เลือกซื้อเพื่อนำไปประกอบเป็นอาชีพต่อไป กรมฯ จึงขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมงานได้ ณ ลานโปรโมชั่น ชั้น 1 อยุธยา ซิตี้พาร์ค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น.”

อธิบดีกล่าวเพิ่มเติมว่า “สำหรับจังหวัดที่เหลืออีก 13 จังหวัดที่กรมฯ วางแผนจะลงพื้นที่ ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก (16 – 19 สิงหาคม 2561) จังหวัดขอนแก่น (30 สิงหาคม – 2 กันยายน 2561) จังหวัดร้อยเอ็ด (13 – 16 กันยายน 2561) จังหวัดนครปฐม (20 – 23 กันยายน 2561) จังหวัดบุรีรัมย์ (4 – 7 ตุลาคม 2561) จังหวัดกาญจนบุรี (11 – 14 ตุลาคม 2561) จังหวัดอุบลราชธานี (19 – 22 ตุลาคม 2561) จังหวัดสงขลา (25 – 28 ตุลาคม 2561) จังหวัดสุรินทร์ (25 – 28 ตุลาคม 2561) จังหวัดระยอง (1 – 4 พฤศจิกายน 2561) จังหวัดสกลนคร (8 – 11 พฤศจิกายน 2561) จังหวัดสุพรรณบุรี (22 – 25 พฤศจิกายน 2561) และจังหวัดลพบุรี (29 พฤศจิกายน – 2 ธันวาคม 2561)”

“สำหรับผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่สนใจเลือกแฟรนไชส์ไปประกอบอาชีพแล้ว แต่ยังไม่มีทำเลหรือสถานที่ขายสินค้า กรมฯ ได้ประสานงานกับปั้มน้ำมันบางจาก เทสโก้ โลตัส และบิ๊กซี ในการจัดหาพื้นที่ขายสินค้าให้และคิดค่าเช่าที่ในอัตราพิเศษ โดยมีรายละเอียด ดังนี้ – ปั๊มน้ำมันบางจาก ฟรีค่าเช่า 1 เดือนสำหรับกรุงเทพฯ ปริมณฑล และ จ.ชลบุรี สำหรับต่างจังหวัด ยกเว้นค่าเช่า 3 เดือน – เทสโก้ โลตัส ฟรีค่าเช่า 2 เดือน และในเดือนที่ 3 คิดอัตราค่าเช่าให้ส่วนลด 40% – บิ๊กซี ฟรีค่าเช่า 2 เดือนแรก เดือนที่ 3-4 คิดค่าเช่าในอัตรา 50 % เดือนที่ 5-6 คิดค่าเช่าในอัตรา 75%”

“ทั้งนี้ เงินลงทุนสำหรับการเลือกซื้อแฟรนไชส์ในโครงการฯ นี้ ตั้งแต่ 10,000 บาท และสูงสุดไม่เกิน 50,000 บาท ทำให้ผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือผู้ที่สนใจลงทุนในระบบแฟรนไชส์แต่มีเงินไม่มากก็สามารถเลือกลงทุนและเป็นเจ้าของกิจการได้ ขณะเดียวกัน กรมฯ ได้ประสานงานกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และธนาคารออมสินร่วมให้สินเชื่อแก่ผู้ที่เข้าร่วมโครงการฯ ด้วย โดยจะคิดดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตราพิเศษ ผู้กู้สามารถชำระคืนเงินต้นได้แบบสบายๆ ไม่กดดัน”

“โครงการ “แฟรนไชส์สร้างอาชีพ” ที่จัดขึ้นนี้ จะช่วยให้ผู้ที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผู้มีรายได้น้อย และผู้ว่างงานมีอาชีพเป็นของตนเอง สามารถสร้างรายได้อย่างมั่นคง และเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่นอย่างยั่งยืน ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ส่วนส่งเสริมธุรกิจแฟรนไชส์ กองส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ  กรมพัฒนาธุรกิจการค้า โทร 0 2547 5953 หรือ www.dbd.go.th” อธิบดีฯ กล่าวทิ้งท้าย

*************************************************

ที่มา : กองส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจ