กรมเจรจาฯ ปลื้มขยายคลังข้อมูลการค้าไทยครอบคลุมการค้าบริการ และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ สำเร็จแล้ว เตรียมจัดสัมมนาเปิดตัวคลังข้อมูลการค้าไทยโฉมใหม่ 3 เมษายนนี้

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จากการที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศได้จัดทำคลังข้อมูลการค้าของไทย ซึ่งเปิดใช้งานผ่าน www.thailandntr.com เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2557 เป็นต้นมา โดยให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับกฎระเบียบทางการค้าของไทย เช่น อัตราภาษีศุลกากรนำเข้า มาตรการที่มิใช่ภาษี กฎว่าด้วยถิ่นกำเนิดสินค้า กฎหมายและกฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้า-ส่งออก เป็นต้น แก่ผู้ประกอบการและสาธารณชนที่สนใจ ปรากฏว่าได้รับเสียงตอบรับอย่างดียิ่งจากผู้ใช้บริการ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจึงได้พัฒนาและขยายคลังข้อมูลการค้าของไทยให้ครอบคลุมไปถึงข้อมูลการค้าบริการ และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น กฎหมายและข้อผูกพันการค้าบริการของไทย กฎหมายและข้อมูลด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

“กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กำหนดจัดการสัมมนาเพื่อให้ผู้เกี่ยวข้อง เช่น หน่วยงานภาครัฐ สมาคมวิชาชีพ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการ SME ตลอดจนผู้สนใจทราบถึงการพัฒนาระบบคลังข้อมูลทางการค้าของไทยที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจัดทำ ให้สามารถเข้าถึงและใช้ประโยชน์จากคลังข้อมูลดังกล่าว ในวันอังคารที่ 3 เมษายน 2561 เวลา 09.00 – 13.00 น. ณ ห้องสุรศักดิ์ 1 โรงแรมอีสติน แกรนด์ สาทร โดยผู้สนใจสามารถดูรายละเอียดและลงทะเบียนออนไลน์โดยไม่มีค่าใช้จ่ายได้ที่ http://www.bolliger-company.com/seminar หรือ อีเมล์ seminar@bolliger-company.com ภายในวันพุธที่ 28 มีนาคม 2561” นางอรมน กล่าว

นางอรมน กล่าวเพิ่มเติมว่า คลังข้อมูลการค้าของไทยที่กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศจัดทำขึ้น เป็นไปตามความตกลงด้านการค้าสินค้าของอาเซียนที่กำหนดให้สมาชิกอาเซียนต้องจัดทำคลังข้อมูลการค้าสินค้า โดยมีข้อมูลด้านกฎระเบียบและกฎหมายหมายด้านการค้าของประเทศตนเอง เผยแพร่ให้สาธารณชนได้ทราบเพื่อความโปร่งใส โดยนอกจากผู้สนใจสามารถเข้าถึงคลังข้อมูลการค้าของไทยนี้จากเว็บไซต์ www.thailandntr.com แล้ว กรมฯได้เชื่อมโยงข้อมูลดังกล่าวไว้ในเว็บไซต์ของอาเซียนด้วย โดยสำนักเลขาธิการอาเซียนได้นำข้อมูลการค้าที่ประเทศสมาชิกอาเซียนจัดทำ ใส่ไว้ในเว็บไซต์คลังข้อมูลทางการค้าของอาเซียน หรือ atr.asean.org ด้วย เพื่อเป็นแหล่งข้อมูลด้านการค้าของทุกประเทศสมาชิกอาเซียน ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อผู้ประกอบการไทยในการทำธุรกิจกับกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนต่อไป