“พาณิชย์” เดินหน้าขยายตลาดการค้าและการลงทุนไทยในฮ่องกงและจีน

นางจันทิรา ยิมเรวัต วิวัฒน์รัตน์  อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ – 2 มีนาคม 2561 ที่ผ่านมา ได้เดินทางเยือนเขตบริหารพิเศษฮ่องกงเพื่อส่งเสริมและขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าระหว่างฮ่องกงและไทยให้มีความต่อเนื่องและมีผลเป็นรูปธรรมเพิ่มขึ้น โดยได้ลงนามความร่วมมือกับ Hong Kong Trade Development Council (HKTDC)  พบหารือหน่วยงานพันธมิตรด้านการค้าและการลงทุนทั้งภาครัฐและเอกชนของฮ่องกง และเยี่ยมชมงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญ

ฮ่องกงเป็นคู่ค้าสำคัญอันดับ 8 ของไทย มูลค่าการค้ารวมในปี 2560 ประมาณ 15,220 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายร้อยละ 16.5 โดยไทยส่งออกไปฮ่องกง 12,310 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 7.3 และนำเข้า 2,910 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวร้อยละ 82 อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกล่าวว่า กรมฯ ได้ตั้งเป้าหมายการส่งออกของไทยในตลาดฮ่องกงปี 2561 ไว้ที่ประมาณ 13,300 ล้านเหรียญสหรัฐ
หรือขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ8

การเดินทางเยือนฮ่องกงครั้งนี้เป็นการกระชับความสัมพันธ์เชิงรุก ยกระดับความเป็นหุ้นส่วนเชิงยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ/ความร่วมมือกับฮ่องกง (Strategic Partnership) โดยได้พบหารือ Mr. Benjamin Chau รองกรรมการบริหาร Hong Kong Trade Development Council (HKTDC) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของฮ่องกง โดย HKTDC ยินดีเชิญผู้ประกอบการไทยโดยเฉพาะกลุ่ม SMEs และ Startups เข้าร่วมกิจกรรมส่งเสริมการค้าต่างๆ ในฮ่องกง อาทิ งานแสดงสินค้า การค้าออนไลน์ เป็นต้น และเพื่อเน้นย้ำความร่วมมือระหว่างกันให้มีผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และ Hong Kong Trade Development Council (HKTDC) ได้ร่วมลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ความร่วมมือฉบับที่ 4 โดยจะมีการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการค้าระหว่างกัน ซึ่งผู้ประกอบการไทยสามารถติดตามข้อมูลสถานการณ์การค้าสินค้าและบริการไทย-ฮ่องกงได้ในเว็บไซด์กรมฯ www.ditp.go.th การลงนามความร่วมมือดังกล่าว นอกจากช่วยกระชับความสัมพันธ์ระดับภาครัฐแล้ว ยังช่วยให้ภาคเอกชนไทยโดยเฉพาะผู้ประกอบการ SMEs ขยายตลาดสินค้าออกสู่ตลาดโลกได้มากขึ้นผ่านช่องทาง digital trade โดย HKTDC เสนอให้ผู้ประกอบการ SMEs ไทยที่ผ่านการคัดเลือกจากกรมฯ จำนวน 200 ราย ดำเนินธุรกิจออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม www.hktdc.com ระยะเวลา 1 ปี โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย ซึ่งแพลตฟอร์มดังกล่าวมีผู้เข้าชมเดือนละมากกว่า 12 ล้านรายจากทั่วโลก สินค้าที่จำหน่ายในแพลตฟอร์ม ได้แก่ สินค้าไลฟ์สไตล์ แฟชั่น อาหาร สินค้ากลุ่มเฉพาะ อาทิ สินค้าสัตว์เลี้ยง สิ่งแวดล้อมและนวัตกรรม เป็นต้น ผู้ประกอบการที่สนใจติดต่อสำนักพาณิชย์ดิจิตอล โทร.02 507 7825 อีเมล์ contact@thaitrade.com นอกจากนั้น กรมฯ โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (New Economy Academy: NEA) จะร่วมกับ HKTDC จัดสัมมนาเกี่ยวกับ e-Commerce ในโลกปัจจุบัน โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญด้าน e-Commerce จากฮ่องกงมาให้ความรู้แก่ผู้ประกอบการไทยเพื่อส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการไทยให้เข้าสู่การค้าในยุคเทคโนโลยีดิจิทัล ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ โทร.02 507 8144

“การเดินทางเยือนฮ่องกงครั้งนี้ ยังได้กระชับความสัมพันธ์กับกรมการค้าและการลงทุนของฮ่องกง (Trade and Investment Department: TID) ซึ่งเป็นหน่วยงานภาครัฐทำหน้าที่อำนวยความสะดวกและสนับสนุนการค้าและอุตสาหกรรมฮ่องกง จากการหารือกับ Ms. Salina Yan อธิบดีกรมการค้าและการลงทุนของฮ่องกง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องที่จะร่วมมือสนับสนุนและแลกเปลี่ยนข้อมูลเศรษฐกิจการค้า นโยบายกฎระเบียบ เพื่อขยายมูลค่าการค้าและการลงทุนระหว่างกัน” นางจันทิรา กล่าว

ฮ่องกงได้ดำเนินนโยบายการขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้แนวการปกครองแบบ One Country Two System ซึ่งด้านหนึ่งได้ดำเนินตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจฯ ฉบับที่ 13 ของจีน (2559-2564) ในขณะที่อีกส่วนหนึ่งได้ดำเนินการเชิงรุกเพื่อปรับโครงสร้างพื้นฐานเศรษฐกิจของตนเอง และเพิ่มขีดความสามารถให้แก่ SMEs ที่มีอยู่มากกว่า 320,000 ราย ผ่านการพัฒนาระบบการค้าออนไลน์ และโครงการ Startups เป็นต้น ในขณะที่รัฐบาลไทยมีนโยบาย Thailand 4.0 และนโยบายผลักดัน/พัฒนา SMEs ให้สามารถแข่งขันได้ในเวทีโลกเพื่อผลักดันความร่วมมือส่งเสริม SMEs และ Startups สองฝ่าย การเยือนครั้งนี้ ได้พบหารือ Mr. Wiily Lin ประธาน Hong Kong Productivity Council (HKPC) ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาสินค้าและบริการเชิงธุรกิจเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของ SMEs หรือ Startups ฮ่องกงและต่างชาติที่สนใจปรับปรุง/พัฒนาการผลิตสินค้าและบริการโดยคิดค่าบริการปรึกษา โดย HKPC ยินดีให้ความร่วมมือพัฒนาศักยภาพ SMEs ไทย สินค้าและบริการที่ HKPC มุ่งเน้นพัฒนาในปัจจุบัน อาทิ 3D printing, EV Charger, Waste Management, Smart City, Food Technology (การรักษาคุณภาพและยืดอายุสินค้าอาหาร) เป็นต้น

จากการพบหารือผู้บริหาร HKTDC และ HKPC ได้รับทราบว่าในงบประมาณปี 2561 รัฐบาลฮ่องกงได้ประกาศงบเงินกองทุนส่งเสริมธุรกิจ SMEs ฮ่องกงในการสร้าง/พัฒนาตราสินค้า ยกระดับธุรกิจการค้าในประเทศ และเจาะตลาดจีนและอาเซียนจำนวน 1.5 พันล้านเหรียญฮ่องกง และเงินส่งเสริมผู้ประกอบการ/ธุรกิจท้องถิ่นของฮ่องกงให้เชื่อมโยงและเพิ่มโอกาสทางธุรกิจต่อยอดจากโครงการ Belt and Road Initiative โครงการ Greater Bay Area และการพัฒนาธุรกิจ E commerce จำนวน 250 ล้านเหรียญฮ่องกง อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกล่าวว่า การที่รัฐบาลฮ่องกงได้เพิ่มวงเงินกองทุนและขยายขอบเขตการสนับสนุน SMEs ฮ่องกงพัฒนาธุรกิจและขยายตลาดต่างประเทศจากเดิมเฉพาะจีนเป็นครอบคลุมอาเซียนนั้น นับเป็นโอกาสดีของ SMEs ไทยที่จะร่วมมือกับ SMEs ฮ่องกงโดยใช้เงินสนับสนุนนี้ในการเจาะและขยายตลาดสินค้าและบริการไทยไปตลาดจีนและอาเซียนโดยเฉพาะสินค้าและบริการที่มีข้อจำกัดในการเข้าตลาด อาทิ ธุรกิจภาพยนตร์ในตลาดจีน เป็นต้น และยังรวมถึงความร่วมมือด้านเทคโนโลยีซึ่งจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและความสามารถการแข่งขัน อาทิ การกำจัดขยะและการยืดอายุสินค้าในอุตสาหกรรมอาหาร ความร่วมมือในอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้า อาทิ แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า (EV Charger) เป็นต้น  โดยในเบื้องต้น กรมฯ ได้เชิญชวนให้ HKPC นำเทคโนโลยีอุตสาหกรรมอาหารมาจัดแสดงในงาน THAIFEX 2018 ซึ่งกำหนดจัดระหว่างวันที่ 29 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน 2561 ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็คเมืองทองธานี เพื่อเผยแพร่ข้อมูลด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมในอุตสาหกรรมอาหารแก่ผู้ประกอบการไทย

ฮ่องกงเป็น Trading Hub ที่สำคัญของโลกในด้านอัญมณีและเครื่องประดับ การเยือนฮ่องกงครั้งนี้ ได้เยี่ยมชมและหารือผู้ประกอบการไทยในงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับที่สำคัญแห่งหนึ่งของโลก ได้แก่ งาน Hong Kong International Diamond, Gem & Pearl Show ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าที่นำเสนอวัตถุดิบใช้ในการผลิตสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ และงาน Hong Kong International Jewellery Show ซึ่งเป็นงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ โดยทั้งสองงานมีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงานกว่า 300 ราย และได้มีโอกาสพบหารือแลกเปลี่ยนข้อมูล/ความคิดเห็นกับประธาน Hong Kong Jewellery & Jade Manufacturers Association (HKJJA) เกี่ยวกับงาน Bangkok Gems and Jewelry Fair (BGJF) เพื่อยกระดับและส่งเสริมภาพลักษณ์งานฯ ให้เป็นสากลยิ่งขึ้น โดยสมาคมฯ จะสนับสนุนนำผู้ประกอบการฮ่องกงเข้าร่วมงาน BGJF ตลอดจนเชิญชวนผู้ประกอบการอัญมณีและเครื่องประดับฮ่องกงเข้ามาลงทุนในไทยให้เพิ่มมากขึ้น อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศกล่าวว่า ทั่วโลกนิยมเดินทางไปเยี่ยมชมงานแสดงสินค้าที่ฮ่องกงจัดขึ้นเนื่องจากการอำนวยความสะดวกด้านการค้า การชำระเงิน และปลอดภาษี อุตสาหกรรม อัญมณีและเครื่องประดับของไทยยังสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก และการจัดงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับของไทย (Bangkok Gems and Jewelry Fair: BGJF) ยังสามารถพัฒนาให้เป็นเวทีซื้อขายระดับโลกได้โดยเฉพาะในด้านพลอยสีซึ่งเป็นจุดแข็งของไทย