กรมการแพทย์แผนไทยฯ พร้อมภาคีเครือข่ายภาครัฐและภาคเอกชนจับมือร่วมกันวิจัย พัฒนาอุตสาหกรรมสารสกัดสมุนไพรครบวงจร พุ่งเป้าเป็น “World Herb Hub”กระตุ้นเศรษฐกิจชาติ

นายแพทย์เกียรติภูมิ วงศ์รจิต อธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวภายหลังเป็นประธานลงนามความร่วมมือว่า กรมการแพทย์แผนไทยฯ ร่วมมือกับภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและภาคเอกชนพัฒนาอุตสาหกรรมสารสกัดสมุนไพรไทยสู่ตลาดโลกแบบครบวงจรโดยร่วมกับศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ การยาสูบแห่งประเทศไทย บริษัท ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเชีย จำกัด บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) บริษัท ไบโอฟาร์ม เคมิคัลส์ จำกัด บริษัท ไบโอเวลธ์ จำกัด และบริษัท พาสซานา คอสเมติค จำกัด

ทั้งนี้ เพื่อตอบโจทย์ตามนโยบายรัฐบาลและแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วยการพัฒนาสมุนไพรไทย พ.ศ.2560-2564   ซึ่งมีกระทรวงสาธารณสุขเป็นแกนกลางในการขับเคลื่อนอย่างครบวงจร โดยมุ่งที่จะสร้างมูลค่าสินค้าสมุนไพรภายในประเทศจากเดิมมีมูลค่า 1.8 แสนล้านบาท ให้เป็น 2 เท่าหรือ 3.6 แสนล้านบาทภายใน 4 ปี  มีการพัฒนาสมุนไพรไทยตั้งแต่ต้นทาง กลางทาง และปลายทาง เพื่อให้ประเทศไทยก้าวไปสู่การเป็นศูนย์กลางการส่งออกวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์สมุนไพรชั้นนำของโลกหรือ “เวิล์ด เฮิร์บ ฮับ” (World Herb Hub) และช่วยเพิ่มมูลค่าของวัตถุดิบสมุนไพรและผลิตภัณฑ์สมุนไพรภายในประเทศให้เพิ่มมากขึ้น ควบคู่ไปกับการสร้างความแข็งแกร่งให้ผู้ประกอบการภาคเอกชน

ทางด้านเภสัชกรสมนึก  สุชัยธนาวนิช ผู้อำนวยการกองพัฒนายาแผนไทยและสมุนไพร กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กล่าวว่า ปัจจุบันกองพัฒนายาแผนไทยและสมุนไพรได้รับการอนุมัติจัดตั้งจากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ให้เป็นองค์กรกำหนดมาตรฐาน (Standard Developing Organizations, SDOs) ประเภทขั้นสูง สาขาผลิตภัณฑ์สมุนไพร เพื่อเป็นองค์กรหลักในการจัดทำร่างมาตรฐานสารสกัดสมุนไพร      พร้อมขับเคลื่อนมาตรฐานสารสกัดสมุนไพรให้มีคุณภาพและยกระดับมาตรฐานสารสกัดและน้ำมันหอมระเหยให้เป็นที่ยอมรับ นับว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่จะช่วยปลดล็อคกระบวนการวิจัยและพัฒนาต่อยอดสมุนไพรให้ก้าวไปข้างหน้าได้อย่างราบรื่น