รายงานข่าวกรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ประจำวันที่ 7 มีนาคม 2563

1.สถานการณ์ ถึงวันที่ 7 มีนาคม 2563 ณ เวลา 08.00 น.

1. ผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อรักษาในโรงพยาบาล 18 ราย กลับบ้านแล้ว 31 ราย เสียชีวิต 1 ราย รวมสะสม 50 ราย
2. ผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนโรคต้องเฝ้าระวัง ตั้งแต่วันที่ 3 มกราคม – 6 มีนาคม 2563 มีผู้ป่วยเข้าเกณฑ์สอบสวนต้องเฝ้าระวังสะสมทั้งหมด 4,234 ราย คัดกรองจากทุกด่าน 175 ราย มารับการรักษาที่โรงพยาบาลเอง 4,059 ราย อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้วและอยู่ระหว่างติดตามอาการ 2,508 ราย ส่วนใหญ่เป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล ยังคงรักษาในโรงพยาบาล 1,726 ราย
3. สถานการณ์ทั่วโลกใน 93 ประเทศ 2 เขตบริหารพิเศษ 1 เรือสำราญ ข้อมูลตั้งแต่ 5 มกราคม – 7 มีนาคม 2563 (07.00 น.) พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อจำนวน 100,779 ราย เสียชีวิต 3,412 ราย ส่วนประเทศจีนพบผู้ป่วย 80,675 ราย เสียชีวิต 3,042 ราย

2. สธ. พบผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อเพิ่ม 2 ราย กลับจากอิตาลี ยังเข้มมาตรการคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศต่อเนื่อง

กระทรวงสาธารณสุข เผยพบผู้ป่วยยืนยันเพิ่ม 2 ราย เป็นชายไทยกลับจากทำงานที่อิตาลี สถานการณ์ของโรคโควิด-19 เป็นอันดับที่ 25 ของโลก ส่วนผลการตรวจยืนยันแรงงงานไทยจากเกาหลี ไม่พบเชื้อ ยังคงเข้มระบบคัดกรองคนเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง

นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข และคณะแถลงข่าวสถานการณ์โรคโควิด-19 ว่า วันนี้กระทรวงสาธารณสุขพบผู้ป่วยยืนยันโรคโควิด-19 เพิ่ม 2 ราย ทั้ง 2 รายอยู่ในกลุ่มคนไทยที่เดินทางไปทำงานที่ ประเทศอิตาลี ซึ่งมีทั้งหมด 6 คน โดยในกลุ่มนี้ พบป่วยแล้ว 3 คน รายแรกเป็นผู้ป่วยรายที่ 45 (แถลงเมื่อวันที่
5 มีนาคม 2563) ส่วนอีก 2 รายเป็นผู้ป่วยรายใหม่ของวันนี้ (รายละเอียดดังล่างนี้) ส่วนอีก 3 ราย ตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่พบเชื้อ อยู่ในระบบเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรคแล้ว

โดยรายที่ 1 เป็นชายชาวไทย อายุ 40 ปี อาชีพพนักงานบริษัท เริ่มป่วยเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2563 เข้ารับรักษาที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งด้วยอาการไข้ ส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลราชวิถี ส่วนผู้สัมผัสใกล้ชิดทั้ง 4 คนในครอบครัว ไม่มีอาการป่วย ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการไม่พบเชื้อ รายที่ 2 เป็นชายชาวไทย อายุ 40 ปี อาชีพพนักงานบริษัท มารับการตรวจที่สถาบันป้องกันควบคุมโรคเขตเมือง กรมควบคุมโรค ด้วยอาการเจ็บคอ ไม่มีไข้
ส่งรักษาต่อที่โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี ไม่มีผู้สัมผัสใกล้ชิด
ขณะนี้ มีผู้ป่วยรักษาหายแล้ว 31 ราย ยังรักษาตัวอยู่ใน โรงพยาบาล 18 ราย เสียชีวิต 1 ราย จำนวนผู้ป่วยยืนยันสะสม 50 ราย สถานการณ์ของโรคโควิด-19 ประเทศไทยอยู่ลำดับที่ 25 ของโลก

ส่วนกรณีหญิงไทย อายุ 30 ปี ที่เป็นแรงงานนอกระบบจากเกาหลีใต้ ตรวจพบอาการไข้ได้ที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2563 ผลการตรวจซ้ำทางห้องปฏิบัติการทั้ง 2 แห่งตรวจไม่พบเชื้อ สำหรับผู้ป่วยอาการหนัก 1 ราย ที่รักษาตัวอยู่ที่สถาบันบำราศนราดูร ตรวจไม่พบเชื้อแล้ว ขณะนี้อาการอยู่ในภาวะวิกฤติ

กระทรวงสาธารณสุขยังคงเข้มระบบคัดกรองคนเข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง ผลการคัดกรองทุกด่านทั้งด่านท่าอากาศยาน ท่าเรือ พรมแดนทางบก และตรวจคนเข้าเมือง เฉพาะวันที่ 5 มีนาคม 2563 คัดกรองไปแล้ว 79,669 คน สะสม ตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม ถึง 6 มีนาคม 2563 รวม 4,358,884 คน เป็นผู้อยู่ในข่ายเฝ้าระวัง (PUI) 4,234 คน

ขอชี้แจงประชาชนมาตรการที่กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการในช่วงเวลานี้ อาจกระทบต่อความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวันของประชาชน เช่น การเดินทาง การกักกันตนเองที่บ้าน การลดกิจกรรมทางสังคม พบแพทย์ทันทีเมื่อป่วย และการเลือกใช้หน้ากากอนามัยให้เหมาะสม ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยของประชาชนในประเทศ ลดความเสี่ยงที่เกิดการแพร่กระจายเชื้อในวงกว้าง

กระทรวงสาธารณสุข ได้เพิ่มช่องทางให้ความรู้ ให้คำปรึกษาประชาชนเรื่องโควิด-19 ที่ช่องทาง Twitter , Facebook, Line official, Tik Tok “ไทยรู้สู้โควิด” และ Line official ChatBot 1422 “Kor-Ror-OK” ขอความร่วมมือเลือกใช้ช่องทางดังกล่าวแทนสายด่วน 1422 เพื่อการเข้าถึงข้อมูล ซึ่งขณะนี้มีผู้ใช้บริการในบางวันเกือบ 2,000 สายต่อวัน ข้อมูลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ถึง 7 มีนาคม 2563 มีประชาชนสนใจสอบถามขอรับคำปรึกษาเกี่ยวกับเรื่องโรคนี้เกือบ 20,000 สาย

3. คำแนะนำสำหรับประชาชน

ขอให้ประชาชนทั่วไปดูแลสุขภาพ
1. ให้หลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีคนอยู่แออัด
2. หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้ชิดกับผู้ที่มีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ
3. ใช้มาตรการ กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ และสวมหน้ากากผ้าเพื่อป้องกันโรค

ขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข สถานการณ์จะดีขึ้นด้วยความร่วมมือจากประชาชน อย่าเชื่อข่าวลือจากทุกทาง “เช็คก่อนแชร์” งดแชร์ข้อมูลผู้ป่วยทางสื่อออนไลน์ และมาจากแหล่งข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ เพื่อไม่ให้ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องแพร่หลาย เกิดความตระหนก และมีความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โปรดติดตามข่าวสารจากกระทรวงสาธารณสุข หากมีข้อสงสัยสอบถามได้ที่ หรือเว็บไซต์ https://ddc.moph.go.th/viralpneumonia/ ช่องทาง Twitter , Facebook, Line official, Tik Tok “ไทยรู้ สู้โควิด” และLine official ChatBot 1422 “Kor-Ror-OK” กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 ตลอด 24 ชั่วโมง ตรวจสอบข่าวลวงได้ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม www.antifakenewscenter.com

************************************* 7 มีนาคม 2563