กรม สบส.จับมือกรมราชทัณฑ์พัฒนา อสรจ.เป็นแกนนำสร้างสุขภาพดีในเรือนจำทั่วประเทศ

กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ  ลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกับกรมราชทัณฑ์ พัฒนาอาสาสมัครสาธารณสุขในกลุ่มผู้ต้องขังเป็นแกนนำในการดูแล ส่งเสริมสุขภาพ และคัดกรอง สร้างโอกาสการเข้าถึงบริการสาธารณสุขอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และเสมอภาคในเรือนจำทั่วประเทศ

วันที่ 17 กรกฎาคม 2561 ณ อาคารกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข แพทย์หญิงประนอม คำเที่ยง อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (กรม สบส.) และพันตำรวจเอก ดร.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กระทรวงยุติธรรม ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) การพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขในกลุ่มผู้ต้องขังในเรือนจำ

แพทย์หญิงประนอม ให้สัมภาษณ์ภายหลังพิธีลงนาม MOU ว่า ตามที่รัฐบาลมีนโยบายในการยกระดับคุณภาพ มาตรฐานการเข้าถึงบริการสาธารณสุขของผู้ต้องขังในเรือนจำทั่วประเทศ แต่ด้วยข้อจำกัดด้านบุคลากรทางการแพทย์ ทำให้ไม่สามารถดูแลผู้ต้องขังได้อย่างทั่วถึง ดังนั้นกรม สบส. และกรมราชทัณฑ์ จึงร่วมลงนาม MOU ดังกล่าว โดยมีวัตถุประสงค์ในการพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขในกลุ่มผู้ต้องขังในเรือนจำ หรือ อสรจ. (Prisoner Health Volunteer :PHV) เพื่อเป็นกำลังสำคัญในการดูแล ส่งเสริมสุขภาพ ป้องกัน และคัดกรองโรค เพื่อให้ผู้ต้องขังซึ่งอยู่ในเรือนจำ 143 แห่งทั่วประเทศเข้าถึงบริการสาธารณสุขอย่างทั่วถึง เท่าเทียม และเสมอภาคภายใต้หลักการสาธารณสุขมูลฐาน โดยทั้ง 2 หน่วยงาน ได้ร่วมกันจัดทำหลักสูตรอาสาสมัครสาธารณสุขในกลุ่มผู้ต้องขังในเรือนจำที่เหมาะสมและสอดคล้องกับปัญหาสาธารณสุขในเรือนจำ รวมทั้งจะมีการพัฒนาบุคลากรของกรมราชทัณฑ์ให้เป็นครูฝึก อสรจ.ที่สามารถถ่ายทอดความรู้ และเป็นพี่เลี้ยงคอยดูแลชี้แนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาสาธารณสุขตามบริบทของแต่ละเรือนจำ

ด้านนายแพทย์ภานุวัฒน์ ปานเกตุ รองอธิบดีกรม สบส. กล่าวว่า สำหรับ คุณสมบัติของผู้ต้องขังที่จะมาร่วมเป็น อสรจ.จะต้องเป็นผู้ต้องขังชั้นดีตามหลักเกณฑ์ที่กรมราชทัณฑ์กำหนด จบการศึกษาไม่ต่ำกว่าระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และที่สำคัญจะต้องมีพฤติกรรมสุขภาพที่เหมาะสมในการเป็นแบบอย่างแก่ผู้ต้องขังรายอื่นๆ และเมื่อเจ้าหน้าที่ตรวจสอบแล้วพบว่าผู้ต้องขังมีคุณสมบัติข้างต้นครบถ้วน ก็จะนำผู้ต้องขังรายดังกล่าวเข้าร่วมฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพอาสาสมัครสาธารณสุขในเรือนจำ 43 ชั่วโมง ซึ่งประกอบด้วยเนื้อหาในการดูแลสุขภาพ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมสุขภาพให้เหมาะสม การป้องกัน และคัดกรองโรคในกลุ่มผู้ต้องขัง รวมถึงการดูแลสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อมในเรือนจำ จำนวน 8 วิชา