สธ.พัฒนาห้องแลป รพ.สมเด็จพระยุพราชมีมาตรฐานสากลพร้อมดูแลประชาชนในถิ่นทุรกันดาร

กระทรวงสาธารณสุขสนองพระราชปณิธานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ห่างไกลและทุรกันดารได้รับการรักษาอย่างทั่วถึงและเท่าเทียมกัน  โดยมอบให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ส่งเสริมศักยภาพห้องปฏิบัติการทางการแพทย์โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชให้มีมาตรฐานสากล ทั้ง 21 แห่งทั่วประเทศ

ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เกษม  วัฒนชัย องคมนตรี ประธานกรรมการมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช  กล่าวว่า โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช กำเนิดขึ้นจากความรักและศรัทธาของปวงประชาถวายแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เมื่อครั้งดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอสาธิราชฯสยามมกุฎราชกุมาร เพื่อเป็นโรงพยาบาล สำหรับให้บริการแก่ทหาร ตำรวจ พลเรือน อาสาสมัครและประชาชนในท้องถิ่นห่างไกลทุรกันดารได้รับการรักษาพยาบาลอย่างทั่วถึง และเท่าเทียมกัน และในปี 2554 มูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชได้ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุขและธนาคารออมสิน จัดทำโครงการพัฒนาโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทั้ง 21 แห่งทั่วประเทศ โดยเน้นงานห้องปฏิบัติการพยาธิวิทยาคลินิก และงานเวชกรรมฟื้นฟู       เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายเป็นพระราชกุศลแด่องค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล  เฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ ธันวาคม 2554 จัดทำเป็นโครงการ 4 ปี ตั้งแต่ปี 2554-2557 และได้รับการสนับสนุนจากธนาคารออมสินจำนวน 84 ล้านบาท เพื่อให้ประชาชนในถิ่นทุรกันดารในพื้นที่ของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทั้ง 21 แห่งได้รับบริการ ตรวจวินิจฉัยครบถ้วน ทันเวลาเช่นเดียวกับประชาชนในเขตเมือง

ศาสตราจารย์คลินิก เกียรติคุณ นายแพทย์ปิยะสกล  สกลสัตยาธร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า กระทรวงสาธารณสุขได้มีการส่งเสริมและพัฒนาโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชมาอย่างต่อเนื่อง โดยในปี พ.ศ.2557 ได้มอบหมายให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ทำบันทึกปฏิญญาความร่วมมือในการสนับสนุนการพัฒนาระบบบริหารคุณภาพตามมาตรฐานสากลของเครือข่ายห้องปฏิบัติการโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทั้ง 21 แห่งทั่วประเทศ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช ให้มีมาตรฐานสากล เป็นที่พึ่งของประชาชนในพื้นที่ห่างไกลและทุรกันดารให้ได้รับการรักษาอย่างทั่วถึง โดยในปีต่อมาโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทั่วประเทศ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบคุณภาพห้องปฏิบัติการและได้รับการรับรองมาตรฐานระดับสากล ISO 15189 : 2012 และISO 15190 : 2003 ครบทั้ง 21 แห่ง ซึ่งความสำเร็จของการพัฒนาระบบคุณภาพห้องปฎิบัติการของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทุกแห่ง เพื่อสนองพระราชปณิธานของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร

นายแพทย์สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปี 2561 กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ มีเจตจำนงที่จะขับเคลื่อนนโยบายการธำรงรักษาระบบคุณภาพห้องปฏิบัติการตามมาตรฐาน ISO 15189 : 2012 และ ISO 15190 : 2003 และส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชอย่างต่อเนื่อง โดยได้จัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับมูลนิธิโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช เพื่อพัฒนาศักยภาพห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราช (รพร.) ทั้ง 21 แห่ง ให้ได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 15189 : 2012 ครอบคลุมทุกรายการตรวจวิเคราะห์ที่เปิดให้บริการ และได้พัฒนาเพิ่มเติมในรายการตรวจวิเคราะห์เพื่อการบริการโลหิต ซึ่งขณะนี้มีห้องปฏิบัติการของโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชที่ได้รับการรับรองครบทุกรายการตรวจวิเคราะห์แล้ว จำนวน 9 แห่ง ได้แก่ รพร.ปัว จ.น่าน รพร.นครไทย จ.พิษณุโลก รพร.บ้านดุง จ.อุดรธานี รพร.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร   รพร.สระแก้ว จ.สระแก้ว รพร.กระนวน จ.ขอนแก่น รพร.เลิงนกทา จ.ยโสธร รพร.ยะหา จ.ยะลา และรพร.สายบุรี  จ.ปัตตานี โดย รพร.สายบุรี ยังมีคะแนนห้องปฏิบัติการรังสีวินิจฉัยมากที่สุดอีกด้วย ทั้งนี้ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชจะได้รับรองครบทุกรายการ  ตรวจวิเคราะห์ทั้ง 21 แห่ง ภายในปีงบประมาณ 2562 เพื่อเป็นหลักประกันผลการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการให้แก่ผู้มารับบริการและตอบสนองนโยบายรัฐบาลในการพัฒนาระบบบริการสุขภาพให้ผู้รับบริการสามารถเข้าถึงบริการที่มีคุณภาพอย่างเสมอภาคเท่าเทียมและทั่วถึง

“การรับรองมาตรฐาน ISO 15189 : 2012 และ ISO 15190 : 2003 จะมีอายุ 2 ปี และจะมีการตรวจติดตามภายในทุกปี ซึ่งปัจจุบันโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชมีความก้าวหน้าด้านการพัฒนาและมีการธำรงรักษาระบบคุณภาพห้องปฏิบัติการ ตามมาตรฐานสากล ISO 15189 : 2012 ครบทุกแห่ง เป็นความร่วมมือระหว่างผู้บริหารและบุคลากรด้านการพัฒนาระบบคุณภาพห้องปฏิบัติการทางการแพทย์ โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชทั่วประเทศ ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณและเพื่อเฉลิมพระเกียรติ  สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 66 พรรษา 28 กรกฎาคม 2561” นายแพทย์สุขุมกล่าว