อนุทิน ติวเข้มบุคลากร รับมือไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ “รู้เร็ว รักษาเร็ว ควบคุมโรคเร็ว”

รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ประชุมบุคลากรทางการแพทย์ ให้แม่นยำการวินิจฉัย การดูแลรักษา ผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ได้รวดเร็ว ช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อ ลดอัตราการสูญเสีย

วันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2563 ที่โรงพยาบาลสงฆ์ กรุงเทพมหานคร นายอนุทิน ชาญวีรกูลรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดการประชุมเชิงปฏิบัติการ การบริหารจัดการผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 (Update on Clinical Management of 2019-nCoV) แพทย์ พยาบาล นักวิชาการสาธารณสุขและผู้ที่เกี่ยวข้อง จากหน่วยงานในกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ประมาณ 250 คน เพื่อให้สามารถวินิจฉัยโรค ดูแลรักษาผู้ป่วยได้รวดเร็ว

นายอนุทิน กล่าวว่า องค์การอนามัยโลกประกาศยกระดับสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 เป็น “ภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ (Public Health Emergency of International Concern หรือ PHEIC)” กระทรวงสาธารณสุขไทย ได้ยกระดับศูนย์ปฏิบัติการภาวะฉุกเฉิน เตรียมความพร้อมทั้งการคัดกรองผู้ป่วยจากพื้นที่เสี่ยง ณ สนามบิน เฝ้าระวังผู้ป่วยและผู้สัมผัสใกล้ชิด สอบสวนโรค การตรวจทางห้องปฏิบัติการเพื่อยืนยันเชื้อ จัดทำแนวทางการวินิจฉัย การดูแลรักษา รวมถึงการป้องกันการแพร่กระจายเชื้อและการจัดระบบการส่งต่อผู้ป่วย

นายอนุทินกล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้กรมการแพทย์เป็นแกนหลักร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมเตรียมการด้านการรักษาพยาบาลโดยให้สถานพยาบาลทุกแห่งใช้แนวทางเวชปฏิบัติ การวินิจฉัย ดูแลรักษาและป้องกันการติดเชื้อในโรงพยาบาล กรณีผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 ตามหลักการขององค์การอนามัยโลกคือ รู้เร็ว วินิจฉัยโรคเร็ว รักษาเร็วและควบคุมโรคเร็ว (Early detection, Early Diagnosis, Early Treatment Early Containment) ซึ่งเป็น National clinical practice guideline มาตรฐานเดียวกัน จะช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อ และลดอัตราการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้น

ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุข ยังคงเข้มข้นการคัดกรองผู้เดินทาง ณ ช่องทางเข้าออกประเทศ 6 ท่าอากาศยาน ได้แก่ สุวรรณภูมิ ดอนเมือง เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต และกระบี่ และขอความร่วมมือให้โรงพยาบาลรัฐ เอกชน  คลินิก คัดกรองผู้ป่วยที่มีอาการไข้ร่วมกับมีอาการระบบทางเดินหายใจ และมีประวัติการเดินทางจากพื้นที่ระบาด รวมทั้งการเฝ้าระวังในชุมชนโดยการให้ความรู้แก่ประชาชน ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อควบคุมไม่ให้มีการแพร่ระบาดเกิดขึ้น ขณะนี้ประเทศไทย พบผู้ป่วยติดเชื้อยืนยันทั้งหมด 25 ราย กลับบ้านแล้ว 9 ราย นอนโรงพยาบาล 16 ราย

…………………………………………………..