ก.ท่องเที่ยวฯ เตรียมรับมือ “โคโรนา” กระทบ อุตฯ ท่องเที่ยวไทย แนะ พลิกวิกฤตเป็นโอกาส สร้างมาตรฐาน พัฒนาบริการ

วันที่ 3 ก.พ. 63 นายคณนาถ หมื่นหนู โฆษกกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยถึงกรณีสถานการณ์ไวรัสโคโรนาที่เกิดขึ้นในประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนและส่งผลกระทบต่อหลายๆ ประเทศทั่วโลก และประเทศไทย ซึ่งในภาคการท่องเที่ยวไทยเรามีจำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนคิดเป็น 1 ใน 3 ของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งหมดซึ่งผลกระทบต่อเนื่องจะกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศไทยทั้งนี้ กระทรวงฯ ได้มีการตั้งวอร์รูมเฝ้าติดตามสถานการณ์โดยตลอดอย่างต่อเนื่อง

ผลจากการระบาดของโรคปอดอักเสบสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือที่เรียกโดยทั่วไปว่า โคโรนาไวรัส ที่มีจุดเริ่มต้นจากเมืองอู่ฮั่นในประเทศจีน ซึ่งมีผลทำให้มีจำนวนผู้ติดเชื้อในประเทศจีนจำนวนมาก และต่อมารัฐบาลจีนได้มีมาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าว และหนึ่งในนั้นคือการมีคำสั่งให้บริษัทนำเที่ยวหยุดการทำทัวร์ในต่างประเทศ รวมถึงห้ามไม่ให้จำหน่ายแพกเกจท่องเที่ยวแก่นักท่องเที่ยว F.I.T. ชาวจีน ผลจากมาตรการดังกล่าวนี้ ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนของไทยลดลงเป็นจำนวนมาก โดยในช่วงแรกภายหลังคำสั่งห้าม นักท่องเที่ยวจีนลดลง ร้อยละ 20 และล่าสุดเมื่อวันที่ 31 มกราคม ที่ผ่านมา ลดลงกว่าร้อยละ 80 โดยจำนวนนักท่องเที่ยวจีนตั้งแต่วันที่ 24 – 31 มกราคม ที่ผ่านมา มีจำนวนทั้งสิ้น 143,000 คน ลดลงเกือบ 2 แสนคน คิดเป็นร้อยละ 58.0 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลดลงดังกล่าว ในเบื้องต้น คาดว่า จะส่งผลให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวสูญเสียรายได้กว่า 9,156 ล้านบาท โดยภาคธุรกิจที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุด 3 อันดับแรก คือ ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการจำหน่ายสินค้า/ของที่ระลึก สถานพักแรม และการจำหน่ายอาหาร/เครื่องดื่ม ตามลำดับ

อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยก็มีจุดแข็งหลายอย่าง โดยประการสำคัญคือ มีบุคลากรและแพทย์ที่สามารถบริหารจัดการ เพื่อรับมือกับสถานการณ์ของโรคได้อย่างทันท่วงที มีการเรียนรู้ลักษณะอาการของโรค มีการควบคุมโรคที่ดี มีการให้ข้อมูลที่เชื่อถือได้จากหน่วยงานที่รับผิดชอบ มีประสบการณ์เกี่ยวกับโรคที่คล้ายกัน (โรค sars และโรค Mers) มีระบบควบคุม กักกัน แยกโรคที่ดี และ Active 24 ช.ม. ตลอดทั้ง มีการสื่อสารประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ในการดูแลป้องกันตนเองแก่ประชาชน มีระบบการรักษาที่ดีมาก โดยประเทศไทยยังไม่มีผู้เสียชีวิตจากโรคนี้เลย จึงเชื่อมั่นได้ว่าประเทศไทยจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งในส่วนของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้มีการจัดตั้งวอร์รูมที่ประกอบด้วยส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ และภาคเอกชน ตั้งแต่วันที่ 28 มกราคม 2563 เพื่อร่วมกันประเมินสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวและวางแผนเตรียมป้องกันผลกระทบที่จะตามมา พร้อมทั้งมีการหารือเตรียมออกมาตรการที่เหมาะสมภายหลังสถานการณ์โคโรนาผ่านพ้นไป

ในช่วงที่จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงด้วยสภาพตมสถานการณ์เช่นนี้ กระทรวงการท่องเที่ยวฯ จะถือเป็นโอกาสทองให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ใช้เป็นช่วงของการปรับปรุงทบทวนกระบวนการทำงานเพื่อลดปัญหาอุปสรรคที่เคยประสบพบเจอ ทั้งด้านการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว..การพัฒนามาตรฐานบริการท่องเที่ยว..การปรับปรุงระบบคิวรอคอยในการเดินทาง..ฝ่ายพัฒนาบุคลากรการท่องเที่ยว….การทบทวนปรับแก้กฎหมาย..การออกและกำกับใบอนุญาต ตลอดถึงการปรับปรุงถนนหนทาง ทางเท้าทางลาดให้เหมาะสมกับการเดินทางของนักท่องเที่ยวและคนทุกเพศวัย ทุกสภาพร่างกายและหรืออื่นๆ เพื่อรองรับการให้บริการแก่นักท่องเที่ยว เมื่อระบบต่างๆ ดีขึ้นเป็นรูปโฉมใหม่ของการบริการ ก็เชื่อว่านักท่องเที่ยวจะได้รับประสบการณ์ความประทับใจที่เพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

“วันนี้จึงอยากวิงวอนสื่อมวลชน ช่วยประชาสัมพันธ์ไปถึงพี่น้องประชาชนคนไทยให้หมั่นดูแลรักษาสุขภาพ ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข “กินร้อน ช้อนกลาง ล้างมือ” สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องออกไปสัมผัสกับผู้คน และอย่าลืมออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายแข็งแรง และสุดท้ายขอให้ร่วมกันส่งแรงใจไปถึงพี่น้องชาวจีนได้ผ่านพ้นวิกฤตภัยครั้งนี้ไปโดยเร็ว ชาวจีนสู้ๆ …จาโหยว…” โฆษก ก.ท่องเที่ยวฯ กล่าวทิ้งท้าย