เที่ยวทั่วไทย : วันเดียวเที่ยวบางกะเจ้า แหล่งโอโซนระดับโลก โดย น้ำเหนือ

ก่อนที่ผู้เขียนจะเล่าถึงความเก่าแก่ ความเป็นมรดกล้ำค่า ความเป็นร่องรอยอารยธรรมของบางกะเจ้า ผู้เขียนอยากให้ผู้อ่านได้รู้ถึงแหล่งที่มาของพื้นที่นี้เสียก่อน บางกะเจ้า คุ้งบางกะเจ้า หรือหลายท่านเรียกว่าเกาะกระเพาะหมู เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้ถูกแม่น้ำเจ้าพระยาตีโค้งรอบจนเกือบเป็นเกาะรูปร่างคล้ายกระเพาะหมู คุ้งบางกะเจ้า นับว่าเป็นแหล่งโอโซนใหญ่ในเมือง ที่ใกล้กรุงเทพฯ มากที่สุด และยังถือว่าเป็นแหล่งผลิตโอโซนลำดับที่ 7 ของโลก เป็นเหมือนปอดให้กับคนกรุงเทพฯ นอกจากนี้คุ้งบางกะเจ้ายังได้รับการยกย่องจากนิตยสารไทม์ส (Times) ให้เป็น The Best Urban Oasis of Asia  โดยนิตยสารไทมส์ (Times) ระบุว่าเป็นหนึ่งในโอเอซิสของคนเมืองที่ดีที่สุดหนึ่งในเอเชีย ของโลก

คำว่า “บางกะเจ้า” ยังไม่ปรากฏว่ามีที่มาอย่างไร เนื่องจากยังไม่มีหลักฐานบ่งชัด บ้างก็กล่าวไว้ว่า บางกะเจ้า ถูกค้นพบหลักฐานอยู่ในนิราศเมืองแกลงของสุนทรภู่ (สมัยรัชกาลที่ 2) ในบทกวีที่ว่า เมื่อถึงคุ้งน้ำเจ้าพระยาว่า “มาพบบ้านระจ้าวยิ่งเศร้าใจ” ในอดีตมีการใช้คำว่า ระ แต่ปัจจุบัน “บางกระเจ้า” กร่อนคำเป็น “บางกะเจ้า” ซึ่งบางกระเจ้านั้น มีความหมายถึง ชุมชนที่เป็นแหล่งหนาแน่นของต้นกระเจา หรือ กระเจ้า บ้างก็บอกว่า กะเจ้า หมายถึง นกยูง หรือ นกกระยาง ซึ่งอาศัยอยู่จำนวนมากในพื้นที่ หรือตามที่ชาวบ้านเล่าต่อ ๆ กันมาว่า มีผู้หญิงไว้ผมมวยสูงรัดเกล้า ซึ่งเหล่าขุนนาง ได้อพยพข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาจากฝั่งพระนคร มาอาศัยอยู่ในพื้นที่ริมคลอง บ้างก็ว่าบางกะเจ้ามีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มีหลักฐานการกล่าวถึง โกษาปาน (ออกพระวิสุทธสุนทร) ราชทูตสยาม ไปเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับฝรั่งเศส จากหนังสือชื่อ บางเจ้าพระยา สู่ ปารีส

หากย้อนไปในอดีต บางกะเจ้า เป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ ที่ไม่ได้รับความสนใจ ไม่มีใครกล่าวถึงหรือรู้จักมากนัก ชาวบ้านอยู่กันแบบวิถีชนบท การเดินทางด้วยการเข้าออกทางเดียวจากภายในเกาะบางกะเจ้า สู่ตัวเมืองกรุงฯ ยามค่ำคืนที่นี่จะเงียบสงัด แค่เพียงหลัง 20.00 น. บ้านเรือนต่าง ๆ จะถูกปิดเงียบ ผู้เขียนเติบโตจากพื้นที่นี้ยังคงจำได้ดี แม้แต่จะเรียกแท็กซี่เพื่อเข้ามายังเกาะบางกะเจ้าหรือคุ้งบางกะเจ้ายังยากที่จะมีแท็กซี่คันใดยอมเข้ามายามค่ำคืน

เมื่อปี พ.ศ. 2547 ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ถือกำเนิดขึ้นมาในพื้นที่ ต.บางน้ำผึ้งใน ซึ่งอยู่ในคุ้งบางกะเจ้า ถือเป็นจุดเปลี่ยนของคุ้งบางกะเจ้าเลยก็ว่าได้ เพราะนอกจากจะทำให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาในพื้นที่คุ้งบางกะเจ้ามากขึ้นแล้ว ประกอบกับทั่วโลกให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ซึ่งทำให้ผู้คนรู้จักเกาะกระเพาะหมู หรือคุ้งบางกะเจ้าเพิ่มมากขึ้น แม้บางกะเจ้าจะได้ชื่อว่าเป็นปอดของคนกรุงเทพฯ เป็นแหล่งโอโซนติดอันดับโลก เพราะมีต้นไม้ร่มรื่น แต่ถ้าเป็นช่วงกลางวัน อากาศที่นี่จะค่อนข้างร้อนการเดินทางมาเที่ยวแนะนำให้เตรียมปอกแขน เสื้อแขนยาว และแว่นกันแดดติดไม้ติดมือมาด้วย

บางกะเจ้า นอกจากจะเป็นแหล่งธรรมชาติที่ใกล้กรุงเทพฯ แล้ว ยังเป็นจุดท่องเที่ยวชมธรรมชาติ โดยนักปั่นจักรยานทั้งหลายชื่นชอบกันมาก มีจุดเช่าจักรยานมากมายไว้รองรับนักท่องเที่ยวราคาไม่แพงมีแบบเหมาวัน ราคาเพียง 50 บาท เท่านั้น ผู้เขียนเช่าจักรยานแล้ว ปั่นตามเส้นทางต่าง ๆ ภายในคุ้งบางกะเจ้า โดยตั้งต้นที่ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ตลาดน้ำฯ เปิดเฉพาะเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ผู้เขียนมาวันเสาร์ผู้คนคึกคัก ภายในตลาดมีร้านอาหารมากมายทั้งสินค้าท้องถิ่น ของกินของใช้

จากตลาดน้ำมุ่งไปที่ สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ ตั้งอยู่ในซอยวัดราษฎร์รังสรรค์ (ซอยเพชรหึง 33) ระหว่างทางก่อนถึงสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ ซ้ายมือจะพบวัดพราหมณ์ ซึ่งมีพระพิฆเนศองศ์ใหญ่สูงประมาณ 9 เมตร ถือได้ว่าใหญ่ที่สุดในจังหวัดสมุทรปราการ ให้แวะเข้าไปสักการะกันก่อน ภายในดีบริการเครื่องสักการะต่าง ๆ ครบครัน ผู้เขียนออกจากวัดพราหมณ์ก็มุ่งหน้าไปสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ เมื่อไปถึงภายในสวนกว้างขวางมาก มีบึงใหญ่อยู่ตรงกลางมีบริการเรือแคนนู ให้อาหารปลา รอบบึงมีศาลาริมน้ำหลายจุด มีหอดูนก เรือนเพาะชำดูเก่าไปตามกาลเวลา ดื่มด่ำกับธรรมชาติแล้วจุดหมายต่อไปคือ พิพิธภัณฑ์ปลากัดไทย ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสวนศรีนครเขื่อนขันธ์ ภายในมีการจัดแสดงปลากัดสวยงาม สายพันธุ์ต่าง ๆ มากมาย สถาปัตยกรรมเรือนไทยประยุกต์ให้เข้าชม

1 วัน กับการเที่ยวชมคุ้งบางกะเจ้า 1 วันกับเกาะที่เปรียบเสมือนปอดของคนกรุงเทพฯ ตลอดเส้นทางนอกจากจุดเช็คอินต่าง ๆ ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวที่มาที่นี่ พื้นที่นี้ยังรายล้อมไปด้วยร้านกาแฟ สไตล์วิถีชุมชม หลายร้านตกแต่งบรรยากาศให้เข้ากับธรรมชาติ วิถีชนบท หลายร้านตบแต่งสไตล์โมเดิร์น นักท่องเที่ยวสามารถเลือกตามความชอบของตนเองได้เลย…จบทริป 1 วัน กับคุ้มบางกระเจ้า ผู้เขียนมั่นใจว่าถ้าผู้อ่านท่านใดมาเที่ยวที่นี่ ท่านจะประทับใจไปอีกนานแสนนาน

ที่มา : นิตยสารThailand Plus /ขอบคุณภาพจาก Google